เปรียบมวยPDA O2 Stealth ปะทะ Asus p525














จุดเด่นของ O2 Xda Stealth มีดังนี้ครับ
1.หน้าจอขนาดเล็กลงเหลือ 2.4 นิ้วเพื่อความเล็กกระทัดรัดให้กับตัวเครื่องแสดงผลที่ 65,536 สี2.มีปุ่ม 5 ทิศทางด้านหน้า3. ลำโพงและไมโครโฟนแบบ Monophonic 4.ใช้ Mini USB สำหรับการชาร์จไฟ5.กล้อง 2.0 ล้านพิกเซล พร้อม Flash ปรับถ่ายแบบ มาโครได้ในระยะ 10-60 ซม6.มี Wi-Fi +Bluetooth7.Memory 192 MB8. ตัวเครื่องเป็นสีดำ ไม่เปื้อนเวลาใช้งาน9. เครื่องมีปุ่มกดตัวเลข แบบสไลด์เพื่อใช้งาน10. สามารถสไลด์ เพื่อรับสายได้
Spec
หน่วยประมวลผล : 416MHz Intel® PXA272
ระบบปฎิบัติการ : Windows Mobile 5.0 Pocket PC Phone Edition
ระบบโทรศัพท์ Tri band, GSM 900/1800/1900; GPRS Class A/B, Class 10
หน่วยความจำ: 192MB Flash ROM และ 64MB SDRAM
การแสดงผล : 2.4", 240 x 320 pixels, 65,000k TFT
แบตเตอรี่ : 1300 mAh Li-POLYM
กล้อง : 2 ล้านพิกเซล พร้อม ออโต โฟกัส และ แฟลช สามารถถ่ายได้ทั้งภาพนิ่งและวีดีโอ
การเชื่อมต่อ : WLAN 802.11b, Bluetooth Version 1.2, USB 1.0
ช่อง Slot : min iSD card slot
รูหูฟัง : 2.5mm Audio Jack
ขนาดเครื่อง : 110 x 53 x 22.5 mm , 150g
รูปร่างภายนอก ตัวเครื่องของ O2 Stealth ในรุ่นนี้มีขนาดค่อนข้างเล็ก เน้นการออกแบบให้คล้ายกับหุ่นของโทรศัพท์มือถือ โดยตัวเครื่องภายนอกทำจากพลาสติกสีดำด้านทั้งตัว แต่เวลาจับใช้งานแล้วจะไม่มีรอบนิ้วมือติดเครื่อง จะไม่เหมือนกับ O2 Atom ในรุ่นสีดำเงา ตัวเครื่องดูเหมือนว่าหุ่นมันจะเล็กแต่ในความจริงแล้วตัวเครื่องขนาดความยาวเครื่องจะมีขนาดพอๆกับ PDA Phone รุ่นทั่วๆไป แต่ตัวเครื่องจะค่อนข้างแคบกว่าหน่อย แต่เรื่องของความหนา O2 Stealth จะหุ่นค่อนข้างหนาเพราะว่าตัวเครื่องเป็นแบบ สไลด์จึงทำให้เปลืองพื้นที่ในการจะรักษาหุ่นให้บางค่อนข้างจะทำได้ยากด้านข้าง ทางด้านข้างมาแนวเรียบๆ โดยด้านซ้ายมือจะมีเพียงปุ่มสองปุ่มคือ ปุ่มกล้องกับปุ่ม Jog Wheel ด้านข้างเพื่อให้สำหรับเลื่อนควบคุมระดับเสียงสนทนาเวลาอยู่ในโปรแกรม Phone และยังให้เป็น scroll up และ down สำหรับการเลื่อเพื่อเลือโปรแกรม โดยปุ่มเลื่อนด้านข้างนี้จริงๆไม่ใช่วงล้อเหมือนพวกเครื่อง sony แต่จะมาเพียงแค่สามทิศทางเท่านั้น คือ เลื่อนขึ้นลง และกดเพื่อ ok ส่วนทางด้านขวาตัวเครื่องจะมีเพียงช่อง เสียบหูฟัง และ ช่องเสียบ mini SD โดยจะมีฝายางปิดกันฝุ่นตามสไตล์ของเครื่องจากโรงงาน Gigabyte สำหรับรูหูฟังจะต่างจากแบบหูฟังมาตราฐานทั่วไป เป็นหูฟังที่มี connector แบบเฉพาะของรุ่นนี้เอง ไม่สามารถใช้ร่วมกับหูฟังแบบมีสายของรุ่นอื่นๆได้ ดูภาพด้านข้างชัดๆกันอีกหน่อย สีดำดูทมึนไปทั้งตัว ด้านล่าง และ ด้านบนด้านล่างเป็นรูสำหรับไมโครโฟน รับเสียงและช่องเสียบสาย Mini USB ซึ่งจะเหมือนกับ PDA Phone ยี่ห้ออื่นๆ ซึ่ง connector ชนิดนนี้ตอนนี้ก็เลยกลายเป็นมาตราฐานไปโดยปริยายแต่ก็ใช้งานได้สะดวกดีครับ ในกล่องจะมีสายน sync มาให้ด้วยเป็นแบบ mini USB ส่วนทางด้านบนสุดตัวเครื่องเป็นปุ่มเปิดปิดตัวเครื่องซึ่งวางตำแหน่งคู่กับช่อง IrDA และนับแต่นี้ไปการส่งข้อมูลทาง IrDA หรือ อินฟราเรดอีกหน่อยก็คงจะต้องตกยุคไปแล้วเพราะยุคนี้จะใช้ Bluetooth และ Wi-Fi โอนถ่ายข้อมูลแทนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ด้านหลังด้านหลังเป็นช่องลำโพงซึ่งจากการทดสอบใช้งานผมว่าลำโพงของเครื่องรุ่นนี้ดังสนั่นหวั่นไหวจริงๆครับ เสียงเรียกเข้าหรือเสียงเตือนต่างๆดังกระหึ่มมากครับ ในบริเวณด้านหลังนี้จะมีกล้องขนาด 2 ล้านพิกเซลพร้อม Flash มาให้ด้วย แต่การออกแบบในส่วนด้านหลังผมว่าไม่ค่อยสวยเท่าไรนักเป็นพลาสติกใสๆมาครอบไว้ซึ่งทำให้เครื่องดูหมดราคาไปพอสมควน ส่วน Flash ในเครื่องรุ่นนี้ยังทำหน้าที่เป็นไฟฉาย เมื่อใช้โปรแกรมไฟฉายที่แถมมาให้ฟรีกับตัวเครื่องด้วยปุ่มหน้าเครื่องสำหรับจุดเด่นที่ทำให้เครื่องรุ่นนี้ดูน่าใช้ก็เพราะเรื่องของปุ่มนี่หละครับในปีนี้เครื่องหลายยี่ห้อต่างเริ่มให้ความสนใจกับปุ่มกดตัวเลขหน้าเครื่องสำหรับการใช้งานโทรศัพท์มากขึ้น โดยเครื่องรุ่นใหม่เกือบจะ 30% เริ่มหันเหการออกแบบมาใช้เครื่องที่มีลักษณะปุ่มกดหน้าเครื่อง สำหรับ O2 Stealth จะออกแบบปุ่ม D Pad หรือปุ่มควบคุมก่ารทำงานแบบ 5 ทิศทางมาในลักษณะวงกลม ล้อมด้วยปุ่มการทำงานต่างๆ แต่น่าเสียดายที่ทาง O2 ยังไม่ยอมใส่ปุ่ม Soft key บนตัวเครื่องสักที ทำให้เวลาใช้บงครั้งรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเหมือนกัน สำหรับปุ่มตัวเลขที่สไลด์ยื่นออกมานั้น นอกจากจะ input ข้อมูลตัวเลขได้แล้วยังสามารถไล่กดเรียงแบบอักษรได้เช่นกัน เหมือนกับโทรศัพท์มือถือทั่วๆไปเวลาไล่กดแป้นเพื่อส่ง SMSกล้อง
สำหรับกล้องใน O2 Stealth ยังคงอยู่ในระดับ 2 ล้านพิกเซ,ครับ คุณภาพของภาพถ่ายนั้นยังถือว่าไม่ชัด ตัวกล้องจะติดตั้งบริเวณด้านหลังตัวเครื่องมีไฟ Flash ช่วยเพิ่มความสว่างในการถ่ายภาพ โดยจะมีไฟอยู่บริเวณข้างๆเลนส์กล้อง การปรับแต่งในการถ่ายรูปรวมถึงระยะ ซูมและมาโคร จะต้องไปปรับจากในโปรแกรม Camera ของเครื่อง สรุปแล้วในเรื่องของกล้องยังถือว่าไม่โดเด่นเท่าที่ควรครับ คุณภาพของภาพถ่ายก็ยังไม่ชัดกิ๊กเหมือนกล้องในโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ O2 Stealth ใช้หน้าจอแบบ TFT ขนาด 2.4 นิ้วแสดงผลสีได้สูงถึง 65k ขนาดความละเอียดที่ 240x320 พิกเซล ขนาดหน้าจอ 2.4 การใช้งานจริงไม่ค่อยรู้สึกว่าเล็กเท่าไร แต่เวลา input จาก Keyboard เสมือนบนหน้าจอรู้สึกว่าต้องเพ่งมากเป็นพิเศษ ความสว่างและความคมชัดของหน้าจอผมว่าเครื่องรุ่นนี้ทำได้ค่อนข้างดีครับ สีต่างๆทำได้คมทำให้รู้สึกว่าค่อนข้างจะสบายตาเวลาใช้งาน และด้วยหน้าจอที่มีขนาดเล็กจึงช่วยให้ภาพต่างๆบนเครื่องดูเหมือนจะคมและสดเป็นพิเศษสำหรับโปรแกรมในเครื่อง O2 Stealth ถือว่ายังให้มาไม่ค่อยเต็มพิกัดเสียเท่าไร โปรแกรมเด็ดๆในเครื่องนี้ก็คือโปรแกรมชุด O2 ที่แถมมาให้ไม่ว่าจะเป็น O2 BackupO2 AutoinstallerO2 AutoconfigO2 ConnectO2 PhoneplusO2 Plusนอกจากโปรแกรมชุดของ o2 เองแล้วนอกนั้นโปรแกรมที่ให้มารู้สึกว่าไม่ค่อยจะโดเด่นสักเท่าไร อย่างเช่นโปรแกรม ไฟฉาย ซึ่งดูเหมือนว่าไม่ค่อยได้ใช้บ่อย โดยรวมๆแล้วเครื่องรุ่นนี้ยังให้โปรแกรมมาแบบพื้นๆ ซึ่งผู้ใช้ต้องไปหามาเพิ่มเอง แหม่!! ก็ O2 อุตส่าห์เพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลใน Rom มาให้อีกเพียบก็คงต้องไปหาโปรแกรมมาลงกันต่อเองอีกนะครับ ภาพโปรแกรมต่างๆในเครื่อง O2 Stealth ครับ ยังไม่ค่อยมีโปรแกรมที่เห็นแล้วรู้สึกว่า น่าสนใจหรือน่าแปลกใจ แต่ดีที่มีโปรแกรม Backup ให้มากับเครื่องเลย สามารถเลือก Back up ข้อมูลลงใน Card ได้ทันทีกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินก็สามารถ Restore ข้อมูลกลับมาได้ทันที ส่วนโปรแกรมในภาพชวามือก็คือโปรแกรมการตอบรับโทรศัพท์อัตโนมัติ สำหรับการใช้งานเป็น Wireless Modem ของ O2 Stealth จะใช้ผ่านโปรแกรมที่ชื่อว่า Internet sharing ซึ่งผมลองใช้งานดูแล้วก็สามารถเชื่อมต่อและใช้งานได้ง่ายดีครับ มีให้เลือกรูปแบบการเชื่อมต่อที่จะใช้ต่อ Wireless Modem หลายหลายวิธี ซึ่งถือว่าทำออดมาได้ค่อนข้างดีครับผู้ใช้มือใหม่ก็สามารถเข้าใจการตั้งค่าได้ด้วยตนเองไม่ยากนัก ตอนแรกหาอยุ่ตั้งนานครับว่า Auto Config เครื่องรุ่นนี้อยู่ไหน พอเปลี่ยน Sim ใหม่ปุ๊ปเวลา Boot เครื่องครั้งแรกจะตั้ง Auto Config ให้เลยครับค่อนข้างสะดวกดี ส่วนภาพทางขวาคือโปรแกรม O2 Phone Plus สำหรับเปิดการใช้งาน Samrt Dialing ช่วยในการโทรศัพท์ และ Blocjk List สำหรับการตั้งค่าเพื่อกำหนดหมายเลขโทรเข้า คล้ายๆกับโปรแกรม Block สายทั่วๆไป
Settingsเรามาดูในส่วน Settings ของเครื่องบ้างครับว่าให้อะไรใหม่ๆมาบ้างหรือไม่ พอเปิดเข้าไปในส่วน Settings แล้ว ไม่มีอะไรใหม่ๆเลยครับ เมนู settings ไม่ได้แปลกแตกต่างจากเครื่องรุ่นอื่นๆ เลย มี เมนูแปลกใหม่อยู่อันเดียวสำหรับในส่วนการตั้งค่าก็คือ Slide setting เป็นการตั้งค่าฝาเลื่อนสไลด์ของโทรศัพท์รุ่นนี้ว่า จะให้ตั้งเป็นแบบรับสายด้วยการสไลด์หรือไม่เท่านั้นเอง
ประสิทธิภาพในส่วนของการทำงานของ O2 Stealth ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงจะให้ความสนใจส่วนนี้เป็นพิเศษ เครื่องรุ่นนี้ใช้ CPU ของ Intel ที่ความเร็ว 416 Mhz การทำงานโดยทั่วๆไปแล้วถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่เร็วและไม่ช้า จากการใช้งานของผมมีการติดตั้งโปรแกรมต่างๆลงไปในตัวเครื่อง เพื่อวัดประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นเกมส์และโปรแกรมที่กิน CPU หนักๆ เพื่อทำการทดสอบ หลังจากลอง Run โปรแกรมดูพบว่าหลังจากเปิดโปรแกรมพร้อมๆกันประมาณ 5-6 โปรแกรมเครื่องจะมีอาการอืดๆ บ้างแต่ก็ไม่ถึงกับค้างจนต้อง reset การทำงานโดยรวมๆของ CPU รุ่นนี้ถือว่า อยู่ในเกณฑ์ที่ดีครับ เรื่องของความเร็วก็พอๆกับเครื่อง รุ่นอื่นๆที่ใช้ CPU Intel ที่ความเร็ว 416 Mhz ขนาดของหน่วยความจำเครื่องรุ่นนี้ถือว่าเป็นจุดขายของเครื่องเลยก็ว่าได้ เพราะมี ROM ขนาด 192 MB ซึ่งถือว่าค่อนข้างใหญ่กว่าเครื่องรุ่นอื่นๆในระดับเดียวกัน แต่ RAM ยังคงให้มาที่ 64 MB เท่าเดิม การทดสอบด้านความอึดของแบตเตอรี่ ผมได้ทดสอบโดยชาร์จไฟเต็มในครั้งแรก หลังจากนั้นลองเปิดเครื่องใช้งานแบบเต็มรูปแบบ คือมีการใช้งานทั้ง Bluetooth และ Wi-Fi อยู่อย่างประปรายในยระหว่างวัน ส่วนการใช้งานด้านโทรศัพท์นั้นได้ใช้พูดคุยตลอดเวลา ซึ่งจากกการทดสอบพบว่าหลังจากเริ่มเปิดเครื่องตอน แปดโมงเช้าขณะไฟเต็ม จนถึงประมาณ 3 ทุ่มในวันเดียวกันเครื่องจะเริ่มเตือนเรื่องแบตเตอรี่ว่าไฟออ่อน ซึ่งแบตเตอรี่ในเครื่อง O2 Stealth นั้นจะให้มาที่ขนาด 1300 mAh ในขณะที่เครื่องรุ่นอื่นๆส่วนมากจะให้มาที่ 1550 mAh ซึ่งน้อยกว่ากันหน่อย แต่หากเป็นการใช้งานในลักษณะไม่หักโหมกระหน่ำคุย แบตเตอรี่ของ O2 Stealth สามารถใช้งานข้ามวันได้สบายๆครับการเชื่อมต่อ ในด้านการเชื่อมต่อ O2 Stealth รองรับการเชื่อมต่อทั้งแบบ Bluetooth และ Wi-Fi โดยใน Wi-Fi ที่ให้มาจะเป็นแบบ 802.11 b/g และ Bluetooth 1.2 สำหรับโปรแกรม USB ที่ให้มาสามารถตั้งค่าการเชื่อมต่อได้สองแบบคือเมื่อเสียบสาย mini USB แล้วเชื่อมต่อกับ PC จะให้เครื่อง O2 Stealth ทำการ Sync กับ Activesync หรือจะให้ทำหน้าที่เป็น card reader ก็ได้ สำหรับเวลานำไปใช้งานข้างนอกเพื่อความสะดวก โดยรวมๆแล้วเรื่องการเชื่อมต่อยังมาแบบพื้นๆครับ ประสิทธิภาพการใช้งานด้านโทรศัพท์ สำหรับ Rom ในเครื่องตัวนี้ผมคาดว่าน่าจะเป็น Rom ตัวเดียวกับตอนที่จะออกจำหน่าย ประสิทธิภาพในการโทรศัพท์มีสัญญาณแกว่งบ้างเล็กน้อย แต่ไม่มาก นานๆจะเป็นสักที แต่สำหรับการใช้งานด้านสนทนากับคู่สาย เสียงดังฟังชัดดีครับ ไม่มีเสียงแทรกหรือเสียงก้องใด ลองขับรถพูดคุยบนทางด่วนดู สัญญาณก็ไม่มีหลุดนะครับ นอกจากบางพื้นที่ที่เป็นจุดอับสัญญาณจริงๆของผู้ให้บริการก็จะเจออาการคลื่นหายบ้าง แต่นั้นไม่ใช่ปัญหาของตัวเครื่องแต่เป็นปัญหาของเครือข่ายมากกว่า เครื่องบางรุ่นเห็นมีบ่นกันว่าเวลาใช้งานบนทางด่วนบางทีสัญญาณอยู่ๆก็หายไปเลยและไม่สามารถ Refresh สัญญาณกลับมาได้ แต่ในเครื่องรุ่นนี้ผมลองทดสอบแล้วยังไม่พบปัญหาครับ สำหรับการใช้งานด้านสไลด์รับสาย ก็ทำให้รู้สึกว่าเหมือนใช้งานโทรศัพท์ปกติ แต่เวลากลางคืน ต้องขอติหน่อยที่เวลาสไลด์ปุ่มออกมาแล้ว ปุ่มไม่มีไฟแสดงตัวเลขในเวลากลางคืน ซึ่งปกติโทรศัพท์มือถือที่มีแป้นแบบสไลด์เวลาเลื่อนออกมาส่วนใหญ่จะมีไฟที่ปุ่มเพื่อแสดงตำแหน่งตัวเลข สำหรับช่วงข้อต่อของการสไลด์นั้น ผมเดาว่าหากใช้ไปนานๆเครื่องรุ่นนี้อาจจะมีมีหลวมคลอนบ้าง เพราะดูไม่ค่อยแนบแน่นเท่าไร สำหรับแห้นตัวเลขก็แนวราบไปนิดเวลากดไม่ค่อยให้ความรู้สึกเป็นปุ่มเท่าไรนัก แต่สำหรับการใช้งานปุ่มตัวเลขของเครื่องรุ่นนี้ สามารถใช้ป้อนตัวอักษรด้วยการกดปุ่มด้วยนะครับ ในการทดสอบครั้งนี้มีโปรแกรมภาษาไทยของค่าย Thai Win CE ติดมาให้ด้วย ซึ่งรองรับการใช้งานโดยตรงกับเครื่องรุ่นนี้ โดยเราสามารถ Input ข้อมูลเป็นตัวภาษาไทยได้จากแป้นตัวเลขนี้ได้ทันที โดยการกดซ้ำๆ เพื่อไล่ตัวอักษร รูปแบบต่างๆของ ThaiWinCE ThumbKey ซึ่งสามารถกดได้จากหน้าจอเช่นกัน การแสดงรูปแบบตัวอักษรต่างๆทำได้สวยงามมากครับ เพื่อเพิ่มความสะดวกและใช้ประโยชน์จากแป้นตัวเลขด้านหน้าได้อย่างเต็มที่มากขึ้น
สรุปสำหรับ O2 Stealth ที่นำมาทดสอบในครั้งนี้ ไม่ค่อยได้สร้างความแปลกใหม่ตื่นเต้นอย่างที่คิดเอาไว้ตอนแรกเท่าไรนัก เครื่องรุ่นนี้มาแนวพื้นๆไปสักนิดโดยไม่มีลูกเล่นใดๆมากนัก FM radio และ TV Tuner ก็ไม่มีใส่มาให้ ซึ่งปกติจะเป็นเอกลักษณ์ของค่าย Gigabyte แต่เมื่อทาง Gigabyte ตัดสินใจผลิตเครื่องให้ทาง O2 ลูกเล่นบางอย่างเลยถูกตัดไป ส่วนเรื่องการดีไซด์บางคนบอกว่าดูไม่ค่อยสวย แต่ผมลองใช้งานดูแล้วผมว่าวัสดูและการดีไซด์ของเครื่องรุ่นนี้ใช้ได้เลยนะครับ แต่ออกมาแนวดำเกินไปหน่อยน่าจะมีสีอะไรตัดสักนิด การทำงานของตัวเครื่องอยู่ในเกณฑ์ที่ปกติครับไม่ถึงกับเร็วและไม่ถึงกับช้าอยู่ในเกณพฑ์กลางๆ สำหรับโปรแกรมที่ให้มาก็ไม่ค่อยมีอะไรโดดเด่นมากนัก หากจะเทียบไปแล้ว O2 Atom น่าจะมีลูกเล่นอะไรที่มากกว่า อย่างน้อยก็มีโปรแกรม FM ฟังรายการวิทยุได้ สำหรับแป้นตัวเลขแบบสไลด์นั้นค่อนข้างมีประโยชน์และสะดวกมากครับ รู้สึกทันทีว่าการใช้งานด้านโทรศัพท์ของเครื่องรุ่นนี้ใช้งานได้สนุกมากขึ้นอีกเยอะ โดยรวมๆแล้วเครื่องรุ่นนี้มาแนวพื้นๆครับไม่โดดเด่นแบบพลิกฝ่ามือแต่ก็ไม่ด้อยจนแทบไม่อยากได้ เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการ PDA Phone ที่มาแนวโทรศัพท์มือถือ จุดขายคือรูปร่างที่คุ้นตา กับขนาด memory ที่มีขนาดใหญ่ แต่หากใครที่ต้องการเครื่องแบบลูกเล่นเยอะๆ คงจะไม่ใช่ O2 Stealth อย่างแน่นอน คงต้องหันไปรอ O2 Mar หรือไม่ก็ HTC Artemis โน่นเลยครับ







Asus P 525

จุดเด่นของ Asus p 525 บ้าง1.มีปุ่มด้านหน้าเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน2.กล้องดิจิตอลในความละเอียดสองล้านพิกเซล พร้อม Auto Focus ที่ให้ความคมชัดสูงและชัดที่สุดในบรรดา PDA Phone ที่จำหน่ายในตลาดขณะนี้3.มีโปรแกรม My Secret ช่วยการเก็บข้อมูลที่เป็นความลับ4.มีโปรแกรม Biz Card recognition ช่วยแปลงภาพถ่ายนามบัตรให้เป็นข้อมูลในโปรแกรม Contact 5.ตัวเครื่องออกแบบสวยและวัสดุที่ใช้มีคุณภาพ






Spec
หน่วยประมวลผล : 416MHz Intel® XScale™
ระบบปฎิบัติการ : Windows Mobile 5.0 Pocket PC Phone Edition
ระบบโทรศัพท์ Quad band, GSM 850/900/1800/1900; GPRS Class B, multi-slot Class 10
หน่วยความจำ: 128MB Flash ROM และ 64MB SDRAM
การแสดงผล : 2.8", 240 x 320 pixels, 65,000 TFT
แบตเตอรี่ : 1300 mAh Li-ion
กล้อง : 2 ล้านพิกเซล พร้อม ออโต โฟกัส และ แฟลช สามารถถ่ายได้ทั้งภาพนิ่งและวีดีโอ
การเชื่อมต่อ : WLAN 802.11b, Bluetooth Version 2.0, IrDa(SIR), USB 1.1
ช่อง Slot : min iSD card slot
รูหูฟัง : 2.5mm Audio Jack
ขนาดเครื่อง : 116.8 x 59 x 19 mm , 159.5g






รูปร่างหน้าตาด้านหน้า ตัวเครื่องรุ่นนี้ออกแบบให้มีความคล้ายคลึงกับโทรศัพท์มือถือทั่วไปมากที่สุดโดยหน้าจอมีขนาด 2.8 นิ้งเป็นขนาดมาตราฐานของ PDA Phone ทั่วๆไป รูปทรงดูเหลี่ยมมนเข้ากันดี ตัวเครื่องเป็นพลาสติกทั้งตัวเพื่อความเบาในการพกพา การออกแบบเครื่องรุ่นนี้ผมว่าทำมาได้สวยงามมากทีเดียวครับ ตัวเครื่องจะมีแผ่นสแตนเลสบางๆปิดไว้ ทำให้ดูงานเรียบร้อยและหรูหรา เป็นสีน้ำตาลไหม้ๆ ดูแล้วก็คลาสสิคดี บริเวณลำโพงด้านหน้าออกแบบดูกลมกลืนไปกับตัวเครื่องพร้อมซ่อนไฟบอกสถานะอยู่ด้านข้าง ขนาดขอบจอไม่สูงทำให้สะดวกเวลาหากไม่ใช้ Stylus จิ้มหน้าจอก็ทำได้สะดวกดี ปุ่มกดหน้าเครื่องใช้งานได้สะดวกดีครับนอกจากจะมีแป้นตัวเลขแล้วยังมีปุ่มสำหรับการใช้งานเครื่องอยู่บริเวณด้านหน้าพร้อมสรรพ ไม่ว่าจะเป็นปุ่ม Softkey ที่เป็นมาตราฐานหลักในการทำงานของ Windows Mobile 5 และปุ่มเข้าเมนูการใช้งานต่างๆ สำหรับปุ่ม D Pad ที่เป็นปุ่มควบคุม 5 ทิศทางเหมือนในเครื่องรุ่นอื่นๆนั้นกลับถูกเปลี่ยนเป็นในลักษณะ joy stick แทนซึ่งจะเป็นตุ่มเล็กๆยื่นออกมาสามารถควบคุมการทำงานได้ 5 ทิศทางเหมือนกันครับ แต่ทว่าลองใช้งานจริงแล้วผมว่ามันใช้งานค่อนข้างลำบากมากเลย ชอบแบบทั่วไปมากกว่า โดยเฉพาะเวลาใช้งานด้านโทรศัพท์โทรออกนั้น ตรงเลข 2 ชอบไปโดนปุ่มกดแบบ Joystick นี้ทุกทีแล้วหากเผลอกดไปโดนกลับกลายเป็นว่าเครื่องจะโทรออกทันทีโดยที่ยังกดเลขไม่เสร็จ แต่จุดดีก็มีตรงที่ปุ่มเหล่านี้จะมีไฟด้านหลังด้วยครับ เวลากลางคืนไฟที่ปุ่มจะดูส๊วยยยยยยสวย ด้านข้าง เครื่องรุ่นนี้ไม่ค่อยหนาและก็ไม่บางจนเกินไปเพราะฉะนั้นหากมองด้านข้างจะดูไม่ค่อยอวบอั๋น เครืองรุ่นนี้ออกแนวกว้างและยาวกว่าเครื่องรุ่นอื่นๆนิดหน่อยตรงส่วนด้านข้างนั้น ทางด้านซ้ายเครื่องจะมีปุ่มหลักอยู่สามอย่างคือบนสุดคือปุ่มเรียกการใช้งานของกล้องดิจิตอลในเครื่องซึ่งเครื่องรุ่นนี้ในส่วนของโปรแกรมจะไม่มี โปรแกรม camera มาหดังนั้นกดจากปุ่มด้านข้างก็สะดวกดีครับ ถัดมาคือปุ่ม สั่งงานด้สนเสียง และหากกดค้างก็จะกลายเป็นปุ่มบันทึกเสียงสนทนา ในส่วนล่างสุดของทางด้านข้างจะเป็นรูสำหรับ reset เครื่องทางด้านขวาจะเป็นปุ่มเปิดปิดเครื่องและปุ่ม hold สำหรับปิดไฟหน้าจอเพื่อประหยัดพลังงาน ปกติไม่ค่อยจะเจอเครื่องรุ่นใหม่ๆที่จะให้ปุ่ม Hold มาด้วย นานๆจะเจอแบบนี้สักที ด้านบน ทางด้านบนนั้นเป็นช่องเสียบ memory แบบ Mini SD พร้อมกับช่อง อินฟราเรดที่ซ่อินอยู่ภายในดูแล้วเหมือนจะมองไม่เห็นอะไรเลย มุมขวาของเครื่องเป็นช่องเก็บสไตรัส ซึ่งเครื่องรุ่นนี้ให้ สไตรัสแบบพลาสติกแต่ก็มีน้ำหนักที่ไม่เบาจนเกินไปด้านล่างบริเวณด้านล่างเหมือนกับเครื่อง PDA Phone รุ่นทั่วๆไปครับคือจะมีรูหูฟังแบบ 2.5 mm และช่องสำหรับเสียบ mini USB ซึ่งหาอุปกรณ์ค่อนข้างง่ายดีด้านหลัง บริเวณด้านหลังดูค่อนข้างเฉียบดี มาแนวเรียบๆหรูๆ ตรงส่วนด้านหลังเวลาพลิกมาปุ๊ปก็จะเจอกล้องขนาด 2 ล้านพิกเซลแบบ auto Focus สามารถถ่ายมาโครได้ครับแล้วก็ไม่ต้องมาปรับบริเวณหลังเครื่องเหมือนเครื่องรุ่นอื่นๆ ลำโพงจะถูกติดตั้งบริเวณใกล้ๆกับกล้อง กล้องรุ่นนี้มีแฟลชมาให้ด้วยภาพค่อนข้างชัดเจนมากเปิดฝาหลังจะพบแบตเตอรี่ขนาด 1300 มิลลิแอมป์ เป็นแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน ให้กระแสไฟที่แรงและเก็บไฟได้นานไม่ค่อยรั่วไหลออกเองดังนี้หากชาร์จแล้วไมได้ใช้นานๆเวลากลับมาเปิดจะพบว่าไฟจะมีปริมาณเท่าๆเดิมหน้าจอ หน้าจอเครื่องรุ่นนี้เป็นแบบ Transmissive QVGA color TFT LCD ความละเอียดหน้าจอที่ 240x320 พิกเซล ซึ่งเที่ยบเท่ากับเครื่องรุ่นอื่นๆก็ถือว่าพอๆกันหน้าจอมีความสว่างและคมชัดอยู่ในระดับที่ดีทีเดียว ผมลองเร่งแสงแบบสุดๆพบว่าการแสดงสีที่ 65 k ให้ความอิ่มของสีที่ดีมากทีเดียว จอรุ่นนี้ผมว่าคมชัดมากครับทั้งสว่างทั่งชัด แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะแตกต่างจากเครื่องรุ่นอื่นๆมากนักแต่ก็ถือว่าชัดกว่าในความคิดผมประสิทธิภาพการทำงาน1.การทำงานของ CPU ความเร็วในการทำงานเครื่องรุ่นนี้ใช้ CPU ที่ความเร็ว 416MHz ซึ่งจากการทดสอบการใช้งานก็ถือว่าเร็วปรู๊ดปร๊าดทันใจดี เร็วกว่า Dopod 818 Pro ที่ผมใช้อยู่อย่างเห็นได้ชัด ในการทำงานของ CPU เครื่องรุ่นนี้เราสามารถไปตั้งความเร็วการทำงานได้ครับ โดยจะต้องเข้าไปในส่วนของ Setting ซึ่งจะพบ icon ที่ชื่อว่า CPU Mode เป็นการปรับแต่งการทำงานของเครื่อง โดยสามารถเลือกให้เป็นแบบ Auto เพื่อประหยัดพลังงานไฟในเครื่องเพราะหากใช้แบบ Turbo Mode ตลอดเวลาจะทำให้กินไฟ แต่เวลาใช้งานจริงผมก็ปรับไปที Turbo ตลอดเวลาเพราะลองปรับแบบ Auto แล้วเจอปัญหาเรื่อง CPU เดี๋ยวช้าเดี๋ยวเร็วมันทำให้รู้สึกรำคาญในการใช้งานนิดหน่อย เลยปรับแบบ Turbo เอาไว้ดีกว่า การทำงานผมลองโหลดโปรแกรมหนักๆไม่ว่าจะเป็นกราฟฟิค และเกมส์ต่างๆพบว่า การทำงานเครื่องรุ่นนี้ไม่หน่วงครับ เล่นเกมส์ก็ตอบสนองเร็วทันใจดี2.หน่วยความจำหน่วยความจำเครื่องรุ่นนี้ยังมาแบบมาตราฐานทั่วไปคือ ROM 128 MB และ RAM 64 MB ซึ่งเครื่องรุ่นใหม่ๆในอนาคตอันใกล้นี้ขนาด ROM จะเพิ่มขึ้นไปที่เกือบ 200 MB อย่างไรก็ตามพื้นที่ ROM ที่เอาไว้เก็บโปรแกรมนี้หากไม่เพียงพอก็ไม่น่ากังวลเพราะเราสามารถใช้ MINI SD เพิ่มก็ได้ครับแถมยังเพิ่มได้เป็น GB และเดี๋ยวนี้ Mini SD ก็ถูกลงทุกวันๆ เนื่องจาก Memory ขนาด 64 MB ส่วนมากมักจะพบปัญหากับเครื่องทุกรุ่นคือมันไม่ค่อยเพียงพอต่อการใช้งานเท่าไรนักต้องขยันหมั่นปิดโปรแกรมหรือไม่ก็ต้องลงโปรแกรมพวก Task Manager ช่วยก็ได้ โดยโปรแกรมที่ผมชอบมากที่สุดก็คือ Magic Button เพราะมันฟรีและไม่กิน CPU ด้วย3.แบตเตอรี่เรื่องที่ค่อนข้างสำคัญมากก็คือเรื่องของการกินไฟหรือไม่ของเครื่องรุ่นนี้ เพราะ Asus P505 รุ่นก่อนหน้านี้สอบตกติด F ไปหลายรอบเพราะใน Asus P505 หากใครใช้อยู่จะทราบดีถึงการกินไฟของเครื่องรุ่นนั้นว่ามันโหดร้ายแค่ไหน แต่ใน P525 สงสัยส่งไปโรงเรียนกวดวิชามาอย่างดี เลยพบว่าเครื่องรุ่นนี้ไม่ค่อยจะบริโภคไฟสักเท่าไร จากการทดสอบผมลองชาร์จไฟเต็มแล้วเปิดใช้งานในช่วงเช้าแบบไม่มีการเปิดการเชื่อมต่อใดๆนอกจากโทรศัพท์ใช้งานที่พูดคุยกันตามปกติในประจำวันมีทั้งคุยมากและคุยน้อยปนๆกันไป แต่หากคุยยาวๆก็ประมาณ 30 นาที ในแต่ละครั้ง พอตกมือดค่ำๆลองเช็คไฟดูปรากฎว่าไฟเหลืออยู่ประมาณ 40 กว่า % ( เปิดแบบ CPU Auto ) หากมีการใช้งาน Wi-Fi หรือ Bluetooth ด้วยจะกินไฟมากกว่านี้พอสมควร ดังนั้นเอาเป็นว่าเครื่องรุ่นนี้ผมมองว่าหากใช้ให้ดีก็ควรชาร์ไฟวันต่อวัน หากจะใช้สองวันสงสัยจะไม่รอดข้ามวันในวันที่สองหากเป็นการใช้งานแบบทั่วๆไปแบบไม่คต้องคอยมานั่งกังวลประหยัดไฟ โปรแกรมพิเศษไปดูกันต่ออีกซะหน่อยเรื่องของโปรแกรมพิเศษที่เป็นโปรแกรมของผู้ผลิตแต่ละเจ้าเขาให้ติดเครื่องมากันครับ โปรแกรมเหล่านี้จะเป็นโปรแกรมหลักเครื่องที่จะ Hard reset แล้วไม่หายไปไหน1.Asus Status โปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมบอกสถานะบนหน้าจอ Today Screen ที่มุมล่างขวของจอโดยจะบอกสถานะการใช้งานต่างๆให้เราได้ทราบเช่น พวก ความสว่าง ปริมาณไฟ พื้นที่หน่วยความจำ ซึ่งหากไม่คือจะไปลงโปรแกรมอื่นๆพวก Today Plug in ผมมองว่าแค่โปรแกรมนี้ก็เพียงพอแล้ว ขาดแต่พวก Task Manager ที่ไมได้ให้มา ถ้าให้มากด้วยก็ perfect เลย2.My Secret My Secret นี่ถือว่าเป็นโปรแกรมจุดขายของทาง Asus เลยก็ว่าได้เป็น Folder พิเศษที่จะสร้างตัวขึ้นมาอยู่ใน My Documents โดยจะมีชื่อว่า My Secret สำหรับเอาไฟล์สำคัญๆไปใส่ไว้ โดยการที่จะเข้าใน Folder นี้ได้จะต้องใช้รหัสผ่าน ซึ่งจะต่างกับโปรแกรม Lock เครื่องของที่ติดมากับ Windows Mobile 5 เพราะโปรแกรมนี้จะใส่รหัสเฉพาะตอนเข้า Folder นี้เท่านั้น ซึ่งก็มีประโยชน์เอาไว้ใส่ข้อมูลสำคัญหากทำเครื่องหายไปก็ไม่มีใครสามารถเปิดดูได้อยู่ดี3.Default setting เป็นโปรแกรมคล้ายๆกับ Clear Storage เหมือนในเครื่อง Dopod ครับคือว่าง่ายๆก็คือ Hard reset ดีๆนี่เอง หากเรียกโปรแกรมขี้ขึ้นมาแล้วใส่ เลข 1234 ลงไปเท่านี้ ข้อมูลก็จะหายไปหมดเกลี้ยงเหมือนกับ Hard reset เสียวเหมือนกันหากใครไม่รู้ไปกดเล่นมีหวังเจ้าของเครื่องร้องจ๊ากกก4.Biz Card Recognition เป็นโปรแกรมที่แปลกแต่ไม่ค่อย Work เท่าไร โปรแกรมตัวนี้เป็นโปรแกรมสำหรับการแปลงภาพถ่ายนามบัตรที่เราใช้กล้องในเครื่องถ่ายแบบมาโครระยะใกล้ แล้วโปรแกรมนี้จะทำการแปลงภาพถ่ายที่เป็นตัวอักษรนั้นให้กลายเป็น Text ข้อมูลลงในโปรแกรม Contact ซึ่งผมลองใช้งานดูแล้วปรากฎว่ามันแปลงผิดๆถูกๆยังไม่ค่อยแม่นแล้วก็ใช้ได้เฉพาะภาษาอังกฤษ ดังนั้นใช้กรอกข้อมูลแบบเดิมหละ work สุดแล้วหละครับ
Settings ในส่วนของ Setting ของเครื่องรุ่นนี้เราลองไปดูกันซะหน่อยว่ามีเมนูอะไรแปลกๆให้ได้ลองเล่นบ้าง สำหรับเมนูพิเศษแปลกๆที่แตกต่างจากเครื่องรุ่นอื่นๆก็มีดังนี้ครับในส่วนแถบ Setting >> Personal - Profile เป็นการตั้ง Profile ล่วงหน้าสำหรับการใช้งานโทรศัพท์ว่าจะให้มีระดับเสียงเท่าไร- Ringtone การ set ไฟล์เสียงเรียกเข้าทำได้ 4 format คือ wav/mid/wma/mp3ในส่วนแถบ Setting>>system - Audio สามารถปรับแต่งเสียงได้ทั้งเสียงทุ้มและเสียงแหลม- Asus Status- CPU Mode- Mode Switch ในส่วนแถบ Setting>> Connectionในส่วนนี้ไม่ค่อยแตกต่างอะไรมากนักจากเครื่องรุ่นอื่นๆเพิ่มเข้ามาก็ตรงในส่วน USB Switch สามารถแปลงเครื่อง Asus P525 ให้เป็น Thumb Drive ได้ครับ เป็นการจำลองโดยไม่ต้องไปลงพวกโปรแกรม Card Export ใดๆเพิ่มการเชื่อมต่อ การเชื่อมต่อของเครื่องรุ่นนี้หลักๆจะมีทั้งหมดสี่อย่างด้วยกันคือ - USB- อินฟราเรด- Bluetooth - Wi-Fi การทดสอบลองใช้ Internet ผ่าน GPRS พบว่า ค่อนข้างน่าแปลกใจว่าทำไมเครื่องรุ่นนี้ลืมให้ Auto Config เครื่องมาให้เป็นการ set up GPRS แบบอัตโนมัติ ซึ่งในเครื่องรุ่นอื่นๆจะมีมาให้เกือบทุกรุ่น แต่ใน Asus P525 รุ่นนี้ไม่มีให้มาครับต้องมานั่ง set เอง แปลกใจมาก แต่ก็หวังว่าในเวอร์ชั่นจริงออกจำหน่ายอาจจะมีการแก้ rom ใส่เพิ่มมาให้ด้วยก็ได้ครับต้องรอดูต่อไป สำหรับการใช้งาน wi-fi และ Bluetooth ต้องไปเปิดการใช้งานเองบนหน้าจอ today screen ทางมุมล่างขวามือ ไม่มีโปรแกรม Com Manager ช่วยในการเชื่อมต่อครับ ใน Wi-Fi Manager สามารถเข้าไปดูสถานะการเชื่อมต่อต่างๆได้ง่ายๆกล้องดิจิตอล สำหรับไม้เด็ดของ review นี้ผมขอยกให้เรื่องกล้องก็แล้วกันเพราะเชื่อว่าหากใครได้ใช้กล้องของเครื่องรุ่นนี้ต้องชอบแน่ๆ กล้องใช้งานง่ายเมนูปรับแต่งเพียบและที่สำคัญคุณภาพของภาพถ่ายชัดเจนมากครับ โดยปกติเครื่อง PDA Phone ที่มีกล้องในตัวจะให้โปรแกรมที่เรียกว่า Camera มาหใด้วยแต่ในเครื่องรุ่นนี้โปรแกรม Camera ไม่มีมาให้ แต่จะไปฝังตัวอยู่ในโปรแกรม Picture and Video แทน หรือหากต้องการเรียกการใช้งานกล้องก็สามารถกดจากปุ่มด้านข้างตัวเครื่องได้ กลอ้งในเครื่องรุ่นนี้มี ออโตโฟกัสครับพร้อม Flash ช่วยถ่ายในที่มืดและยังมีมาโครสำหรับถ่ายระยะใกล้ให้มากด้วยโดยไม่ต้องไปปรับด้วยตนเองที่หลังเครื่องเหมือนเครื่องบางรุ่นอย่าง Dopod หรือ Gigabyte สำหรับคุณภาพของภาพถ่ายกล้องของ Asus P525 นี้น่าจะเป็นกล้องที่ชัดที่สุดในบรรดา PDA phone ที่จำหน่ายอยู่ในเวลานี้ ลองดูคุณภาพภาพถ่ายกันดูนะครับ<<< คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพขนาดจริง >>>ภาพถ่ายในเวลากลางคืน ภาพถ่ายในเวลากลางวัน การใช้งานด้านโทรศัพท์
สำหรับเรื่องของโทรศัพท์ในเครื่องรุ่นนี้ option การใช้งานต่างๆค่อนข้างเหมือนกับเครื่องรุ่นอื่นๆไม่มีโปรแกรมพิเศษใดๆที่น่าสนใจให้มา สำหรับคุณภาพของการใช้งานโทรศัพท์ผมลองใช้มาสี่วันเต็มๆพบว่า การใช้งานนั้นโทรเข้าโทรออกสัญญาณชัดเจนดีครับ ลองขับรถวิ่งบนทางด่วนสัญญาณโทรศัพ?ก็ยังเต็มเปี่ยมไม่มีการสวิงให้เห็น ทางด้านเสียงเรียกเข้าก็เสียงลำโพงดังชัดเจนเหมือนปกติ ลำโพงในตัวเครื่องรุ่นนี้ก็ถือว่าใช้ได้ดีทีเดียวถึงแม้จะไม่มีการแยกเสียงใดๆก็ตาม การพูดคุยผ่านทาง Bluetooth ก็ใช้งานได้ตามปกติ ในส่วนตัวแล้วเรื่องของโทรศัพท์ผมว่าโอเค ยังไม่เจอปัญหาการใช้งานแต่อย่างใด
สรุปการใช้งาน เครื่องรุ่นนี้ผมชอบเรื่องของ speed ความเร็วแล้วก็เรื่องกล้อง ความเร็วการทำงานเครื่องเร็วกว่าเครื่อง Dopod 818 Pro ที่ผมใช้อยู่อย่างสังเกตได้ส่วนเรื่องกล้องคงไม่ต้องบรรยายกันมากเพราะคุณภาพของภาพถ่ายที่ได้ก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่ากล้องของเครื่องรุ่นนี้มันชัดแจ๋วจริงๆ ส่วนเรื่องของการดีไซด์ผมว่าสวยใช้ได้เลยแต่ขนาดออกจะใหญ่และอ้วนๆไปนิด แต่ก็ไม่มาก หากใครที่ชอบเครื่องเล็กแบบ HP rw6828 หรือ O2 Atom อาจจะไม่ค่อยชอบเครื่องรุ่นนี้ก็ได้ ส่วนเรื่องของแป้นกดหน้าเครื่องอันนี้ก็มีประโยชน์ดีครับสะดวกมากแต่ติตรงที่ปุ่ม Joy stick ด้านหน้านี่แหละผมว่ามันใช้งานลำบากไม่ค่อยถนัดเท่าไร ส่วนเรื่องกรเชื่อมต่อ internet น่าจะมี Auto Config ให้มาด้วยจะดีมากเลย เพราะเครื่องรุ่นใหม่สมัยนี้ต้องมีเป็นโปรแกรมมาตราฐานอยู่แล้ว ราคากับคุณภาพถือว่าโอเคครับ เหมาะสำหรับคนที่กำลังจะซื้อเครื่องใหม่ แต่หากใครที่ใช้ PDA Phone ในแบบ Windows Mobile 5 อยู่แล้วหากไม่เบื่อเครื่องเก่าเสียก่อนก็ใช้ต่อไปดีกว่าครับ เพราะเครื่องแต่ละรุ่นที่ออกใหม่มันก็ไม่ได้ต่างมากแบบพลิกหน้ามือเท่าไรนัก

Windows Vista ทั่วโลกต่างรอคอยระบบปฎิบัติการใหม่







หลังจากที่ผมได้ติดตามข่าวสารในเรื่องของวินโดวส์วิสต้ามาบ้างแล้ว เราจะเห็นได้ว่าไม่ว่าอุตสาหกรรมใดๆ ต่างก็รอคอยการมาถึงของ Windows Vista กันทั้งนั้นVista ที่ออกมาก่อนนี้ นั้น เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่ Microsoft ปล่อยออกมา ไม่ใช่ตัวจริง ณ วันที่จำหน่ายจริง ผู้ใช้ในกลุ่มธุรกิจนั้น เป็นอีกกลุ่มหนึ่งครับ ที่ไม่นิยมในการอัพเกรดเครื่องของตนเองมากนัก ทั้งนี้เพราะว่าไม่ใช่คนกลุ่มแรกๆที่มองเห็นการมาใหม่ของ OS นี้ แต่เรามุ่งประเด็นไปที่กลุ่มของนักกราฟิกทั้งหลาย ที่ตั้งตารอคอยการมาถึงของไดร์เวอร์ตัวจริงของวิสต้า สำหรับเครื่องของตนในช่วงวันที่ 30 ที่ผ่านมานี้ ซึ่งคนเหล่านี้เป็นเป้าหมายที่แท้จริงของการมาของ Vista
ทุกๆอย่างพร้อมและลงตัวแล้วสำหรับกำหนดการ ในส่วนของ ATI ยกตัวอย่างเช่น การผลิตไดร์เวอร์ที่สมบูรณ์แบบของ ไดร์เวอร์ Direct 3D ซึ่งทำให้เกมเมอร์ทั้งหลายสามารถที่จะใช้ Vista 32 บิตเล่นเกมส์ได้ แต่ก็ยังไม่พร้อมนักสำหรับ OpenGL ในส่วนของ CrossFire ก็ทำงานได้ แต่ไม่ใช่ถึงขั้นที่ ATI ตั้งใจไว้ ในส่วนของหน่วยความจำระบบ RAM นั้นก็เป็นอีกอย่างที่จะขายดีในช่วงที่ Windows Vista ออกมา ทั้งนี้ก็เพราะว่า ตัวระบบปฏิบัติการนั้นต้องการ RAM มหาศาลในการรันระบบ อย่างน้อยก็ต้อง 2 GB ถึงจะทำงานทั้งหลายได้อย่างราบรื่น คุณพร้อมหรือยังครับสำหรับส่วนนี้ใกล้เข้ามาแล้ว มหกรรมอัพเกรดเครื่องครั้งยิ่งใหญ่ในรอบ 5 ปี ^^



ระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุดจากไมโครซอฟท์ ให้คุณสุดๆกับดิจิตอลมีเดียWindows Vista ที่ออกมาในปลายเดือนก่อน ยังคงเป็นที่กังขากันอยู่ว่า คุ้มค่าแค่ไหนที่เราจะซื้อ ไม่ต้องกังวลหรอกครับ นอกจากว่าเงินที่ไมโครซอฟท์ได้ทุ่มไปกว่าหลายร้อยล้านเหรียญสำหรับการทำการตลาดจนถึงเดือนมิถุนายนนี้คงไม่สูญปล่าวอย่างแน่นอน ส่วนเราคงได้รับผลดีจาก Windows Vista มากมายอย่างแน่นอน เพราะมันเป็นวินโดวส์ที่มีฟังก์ชั่นมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา และมัน จะมาเปลี่ยนประสบการณ์ใหม่ของการใช้พีซีอย่างแน่นอน



แม้ว่าการที่ Windows Vista ที่ออกมานี้จะไม่ใช่พัฒนาการที่ก้าวกระโดดของ Windows ก็ตามที แต่เมื่อนึกถึงการแก้ปัญหาจอฟ้าที่เกิดบ่อยของเมื่อ 5 ปีก่อน (ฮา) นี้แล้ว แค่นี้ก็คุ้มค่ามากแล้วสำหรับการที่จะอัพเกรดเป็นวิสต้า การใช้งาน Windows XP ถึงเวลาที่จะหยุดแล้ว เพราะ Windows Vista เรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนโฉมการทำงานของวงการคอมพิวเตอร์ เลยทีเดียว เช่น ให้การเก็บไฟล์เพลงจากซีดีลงเครื่องทำได้ง่ายดายมากกว่าเดิม หรือการจัดไฟล์ภาพดิจิตอลที่คุณชื่นชอบ แต่ในความเป็นจริง ยังคงมีผู้ใช้หลายๆคนที่ยังคงต้องใช้ XP อยู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้การเข้าสู่ยุคของวิสต้านั้นถูกเข็นโดย Microsoft ว่าเป็นพัฒนาการใหม่ล่าสุดนับจาก Windows XP และไม่เพียงแต่ปลอดภัยกว่า หรือการบูตที่รวดเร็วกว่า แต่ผู้ใช้จะได้พบประสบการณ์ในการใช้แบบใหม่ที่ง่ายกว่าเดิมมากอีกด้วยซึ่งเนื่องด้วยไมโครซอฟท์ได้รวมรวมไดร์เวอร์ไว้มากมาย ทั้งนี้ก็เพื่อให้วิสต้าเป็นดิจิตอลฮับอย่างแท้จริง ดังนั้นไม่ว่าการใช้งานกล้องดิจิตอล หรือแม้แต่ระบบไวร์เลส คุณก็ใช้งานได้เลยโดยไม่ต้องกังวลใจเรื่องไดร์เวอร์อย่างที่เคยอีกต่อไปดูเหมือนจะยุ่งยากวุ่นวายนะครับ แต่ไมโครซอฟท์ออกแบบให้เครื่องคอมพิวเตอร์ของเราๆนั้นใช้งานได้ง่ายมากยิ่งขึ้นในระบบเน็ตเวิร์คไม่ง่ายเลยสำหรับไมโครซอฟท์ ในการที่จะทำให้ดีมากยิ่งขึ้นสำหรับกลุ่มผู้ใช้ในทางธุรกิจ “เราโฟกัสในการสร้างสรรค์วิสต้าสำหรับกลุ่มคอนซูมเมอร์” นาย Brad Brooks ผู้จัดการทั่วไปของ Windows Client Group กล่าว ไมโครซอฟท์ได้ใส่ฟีเจอร์สำคัญไปอย่างมากมายในวิสต้า แม้ว่ามันจะมีอยู่พร้อมแล้วใน Apple OS X

10 ประการที่แตกต่างจาก XP
1. หน้าตาของโปรแกรมสร้างมาสำหรับยุคของการถ่ายภาพดิจิตอลไม่ใช่ว่าตรงนี้จะเป็นจุดขายของไมโครซอฟท์เพียงอย่างเดียวนะครับ แต่มันจะเป็นอะไรที่เราๆท่านๆจะได้เห็นว่านี่คืออะไรที่มีประโยชน์จริงๆ เมื่อนำวิสต้าไปจัดการรูปภาพ วิดีโอ และเพลง เพราะมันไม่เพียงมีประโยชน์เกี่ยวกับไฟล์เวิร์ดเท่านั้น เมื่อคุณเปิดโฟลเดอร์ที่มีรูปภาพแล้ว คุณจะได้เห็นพรีวิวของรูปภาพ พร้อมแทกต่างๆ โดยที่ไม่ต้องใช้ซอฟท์แวร์อื่นๆเพิ่มเติมเลย 2. การติดตั้งแบบรูปภาพเมื่อก่อนเราคงเจอมาบ้างแล้วนะครับ ว่าเวลาติดตั้งวิสโดวส์นั้นใช้เวลานานมาก คุณอาจจะต้องขอร้องให้ผู้ชำนาญการมาจัดการให้คุณ หากคุณไม่เคยติดตั้ง Windows Vista มาในรูปแบบ DVD ที่พร้อมติดตั้ง การติดตั้งโปรแกรมนั้นทำได้ง่ายดายมาก เป็นรูปภาพ ไม่จำเป็นต้องมีความรู้มากมายก็สามารถติดตั้งได้เอง 3. ไดร์เวอร์ที่ทันสมัยมากมายพร้อมติดตั้งไม่ต้องโหลดไดร์เวอร์ให้วุ่นวายอีกแล้วครับ คุณทราบไหมว่า Windows Vista นั้นมาพร้อมกับไดร์เวอร์กว่า 19500 ตัว ซึ่งติดตั้งให้คุณเองเสร็จสรรพ โดยไม่ต้องใช้ไดร์เวอร์เพิ่มเติม คุณจึงใช้ USB หรือ ไดร์วต่างๆได้เลยเมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว นอกจากนี้ยังมี Windows Update ที่คอยอัพเดตโปรแกรมให้ทันสมัยอยู่เสมอ 4 .Windows Desktop search และ Search Folder แบบบิ๊วอินคุณสามารถค้นหาไฟล์ต่างๆในเครื่องของคุณ หรือในโฟล์เดอร์ของคุณได้อย่างง่ายดาย 5. Sleep mode ที่ทำงานได้จริงแม้ว่ามันสิ่งเล็กๆ แต่วิสต้านั้นทำให้ระบบปฏิบัติการนี้สามารถปิดตัวและเปิดได้อย่างรวดเร็วในเวลาไม่กี่นาที 6.การเข้ารหัสสำหรับเครื่องโน้ตบุ๊กข้อมูลบนเครื่องโน้ตบุ๊กของคุณนั้นไม่ปลอดภัยเลย และเมื่อมันถูกขโมยไป ก็เศร้าเลยหล่ะครับ สำหรับ Windows Bitlocker ที่มีการเข้ารหัส (สำหรับ Enterprise และ Ultimate) เท่านั้นครับ ที่สามารถเข้ารหัสไฟล์ทุกไฟล์ในเครื่องของคุณ ทำให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น 7.ตัวนำทางที่ดีขึ้นWindows Vista มาพร้อมกับฟังก์ชั่น Breadcrumbed ที่ให้คุณกลับไปยังโฟล์เดอร์ที่ต้องการได้อย่างง่ายดายผ่านทางพาธ ซึ่งเราอาจจะหงุดหงิดที่บางครั้งต้องคลิ๊ก Back หลายๆครั้งใน Windows XP แต่สำหรับ Vista รับรองคุณต้องชอบครับ 8. UndeleteWindows Vista เก็บไฟล์ของคุณไว้ในที่ปลอดภัย และให้คุณย้อนกลับไปที่ไฟล์ตั้งต้นได้ทุกเมื่อ 9.DirectX 10แม้ตอนนี้เรายังไม่เห็นประโยชน์ของมันมากนัก แต่ DirectX 10 ก็เป็นเทคโนโลยีสำหรับอนาคตที่มาแน่ และคุณจะไม่ได้เห็นมันใน Windows XP (อย่างน้อยก็ในขณะนี้และเร็วๆนี้) 10.ความจริงคือ คุณไม่มีทางเลือกWindows Vista เป็นการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ของ Microsoft ที่คุณไม่สามารถปฏิเสธได้เลยหลังวันที่ 30 มกราคมนี้ บริษัทต่างๆเริ่มเปลี่ยนระบบปฏิบัติการจาก XP เป็น Vista แล้วในเครื่องของตน นอกจากว่าคุณจะใช้ Linux และเป็นที่แน่นอนว่า หากคุณซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องต่อไปของคุณ ไม่ว่าพีซี หรือ โน้ตบุ๊ก ต้องเลือกที่เป็น Windows Vista เท่านั้นนะครับ



สเป็คคอมขนาดไหนถึงจะใช้ Vista ได้

สำหรับใครที่คิดจะซื้อคอมพิวเตอร์ใหม่ทั้ง PC และ Notebook ในตอนนี้ ผมอยากให้ท่านรอก่อนนะครับ เพราะอีกแค่เดือนเดียวเท่านั้น ท่านจะได้ Windows Vista Preload ซึ่งแถมมาให้พร้อมกับเครื่อง เลย และสำหรับโน๊ตบุ๊กในบางยี่ห้อที่มี Express Upgrade เป็น Windows Vista ได้นั้น ท่านก็โชคดีมาก ที่ได้ใช้งาน Windows Vista แต่ อย่ากระนั้นเลยครับ Windows Vista เนี่ย จำเป็นต้องใช้กำลังเครื่องมากอย่างที่ไม่เคยพบไม่เคยเห็นมาก่อน (จากการที่ผมได้ลองใช้มาระยะหนึ่ง) คุณต้องแน่ใจว่าเครื่องของคุณแรงเพียงพอจริงๆ เท่าไหร่หล่ะถึงจะพอ เอาหล่ะ ผมจะพาทุกท่านไปรู้จักกับคอมพิวเตอร์ที่สามารถรัน Windows Vista (ได้) และ ที่สามารถรัน (ได้ดี)Windows Vista Capable PC หรือ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่สามารถรันวิสต้าได้- เครื่องของท่านมีโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ ความเร็วอย่างน้อยต้อง 800 เมกกะเฮิร์ตขึ้นไป- หน่วยความจำแรม 512 เมกกะไบต์ขึ้นไป- กราฟิกการ์ด หรือการ์ดจอที่สนับสนุน Direct X 9สเปคที่ผมไว้นี่สามารถรัน Vista และทำงานจำพวกเวิร์ดหรือท่องอินเตอร์เน็ตได้ แต่ยังไม่แรงพอที่จะทำงานจำพวกเน้นกราฟิกแรงๆ หรือแม้แต่เล่นเกมส์ จริงๆมันก็ได้นะครับ แต่มันจะช้ามากกกก มากจนคุณรู้สึกว่า ควรจะอัพเกรดได้แร้นนWindows Vista Premium-Ready PC หรือคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่รันวิสต้าได้ดี- โปรเซสเซอร์ความเร็ว 1 กิกะเฮิร์ต แบบ 32 บิต และ 64 บิต (สอบถามที่ร้านว่าโปรเซสเซอร์ของคุณเป็นแบบไหน ถ้าเป็นแบบ 64 บิต คุณจะสามารถเพิ่มแรมในระบบได้มากกว่า)- หน่วยความจำแรม 1 กิกะไบต์ขึ้นไป- กราฟิกการ์ดหรือการ์ดจอที่สนับสนุน Aero และมีหน่วยความจำกราฟิกอย่างน้อย 128 เมกกะไบต์ขึ้นไป- ฮาร์ดิสก์ไดรว์ฟ ต้องอย่างน้อย 40 กิกะไบต์ขึ้นไป และยังว่างอยู่อย่างน้อย 15 กิกะไบต์- ดีวีดีรอม- การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตหมายเหตุ: สำหรับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค หรือเครื่องพีซีเดสก์ท็อป ที่ใช้การ์ดจอแบบแชร์หน่วยความจำกับระบบจำพวก Intel Integrate Graphic หรือ Hypermemory/TurboCache 3D จาก NVIDIA ให้คุณทราบว่าหากรันวิสต้า ระบบของคุณจะช้าลงกว่าการรัน Windows XP เป็นอย่างมาก เพราะว่า Windows Vista นั้นจำเป็นต้องใช้หน่วยความจำของกราฟิกการ์ดในการรัน Aero เพื่อทำวินโดวส์แบบโปร่งใส และหน่วยความจำระบบที่ใช้งานได้จริง จะน้อยลงอีกมากการใช้วิสต้าให้มีประสิทธิภาพสูงสุด คุณเองต้องพิถีพิถันในการเลือกสเปคของเครื่องสักหน่อยนะครับ ^^

มารู้จัก office2007 กันเถอะ










ที่เรารู้จักกันในนามของ Word หรือ Excel ที่เราๆท่านใช้กันประจำนั้นแหละครับ แต่ที่มาแนะนำนั้นมันเปลี่ยนโฉมไปพอสมควรเลยละครับและมีนามว่า Office 2007 ไมโครซอฟท์ออฟฟิส 2007 (รหัสการพัฒนา Office 12) เป็นชุดซอฟท์แวร์ใหม่ล่าสุดของไมโครซอฟท์ที่จะมาฉีกความจำเจของการทำงานในชุดออฟฟิสให้มีความสนุกสนาน ใช้งานง่าย สะดวกสบายด้วยเครื่องมือและลูกเล่นมากมาย จนนับได้ว่าเป็นชุดออฟฟิสที่ดีที่สุดเท่าที่เราเคยสัมผัสมา ไม่ว่าคุณจะเคยชอบ หรือไม่ชอบไมโครซอฟท์ ออฟฟิสมาก่อนหรือไม่ หากคุณได้สัมผัสกับการใช้งานของชุด 2007 ที่กำลังจะมาถึงในปลายปีนี้แล้ว คุณต้องหลงรักมันแบบผมอย่างแน่นอน (ไม่ง่ายนะที่ไมโครซอฟท์จะทำซอฟท์แวร์อะไรออกมาได้ตรงใจท่านผู้ชมขนาดนี้ นับจากชุด Office v.x For Macintosh)
Word to Word, PowerPoint to PowerPointชุดแอพลิเคชั่นของ 2007 ไม่เพียงได้รับการพัฒนาในเรื่องของฟังก์ชั่นต่างๆ แต่ยังได้รับการปรับปรุงระบบติดต่อกับผู้ใช้ (User Interface UI) แบบใหม่ทั้งหมด Office ของไมโครซอฟท์ไม่เคยดูดีเท่านี้ Ribbon เป็นรหัสการพัฒนาของ UI ตัวนี้ ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างปราณีต บรรจง และตอบสนองตามการใช้งานของผู้ใช้ แถบด้านบนของ Ribbon จะเปลี่ยนไปตามการใช้งานของคุณ คลิ๊กที่กราฟ Ribbon จะตอบสนองการทำงานของคุณด้วยการปรับเปลี่ยนเป็นการจัดการกับกราฟให้คุณ ง่าย และได้ผล การทำงานของคุณจะสะดวกกว่าที่เคย ปลุกพลังแห่งการสร้างสรรค์ให้กับคุณ แบบไม่ต้องมีความรู้เรื่องกราฟิกและเทคนิคอันยุ่งยากใดๆ งานของคุณก็จะเสร็จอย่างรวดเร็วและมืออาชีพแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในแอพลิเคชั่นด้านออฟฟิสใดๆ



พลังแห่ง RibbonRibbon เป็นคำเรียก Toolbar แนวคิดใหม่ของ Office 2007 ที่จะให้คุณใช้งานคำสั่งได้อย่างที่ใจคุณต้องการ การพัฒนาด้วยการอ้างอิงถึงผู้ใช้เป็นหลักนี้ทำให้ Office เวอร์ชั่นนี้เหนือชั้นกว่าทุกเวอร์ชั่นที่ผ่านมา และเหนือชั้นกว่า โปรแกรมด้าน Office แบบเดียวกันเจ้าอื่นอย่างโดดเด่น
ทูลบาร์เดิมของ Office ถูกแทนที่ด้วย Ribbon ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ของเวอร์ชั่นนี้ ที่ได้ตระเตรียมเซ็ตของคำสั่งที่คุณต้องการไว้บนหน้าจออย่างเรียบร้อย เช่นเมื่อคุณพิมพ์ข้อความ การจัดการเกี่ยวกับ Format ก็เตรียมพร้อมให้คุณเรียบร้อย เมื่อคลิ๊กดรอปจะมีคำสั่งกราฟิกต่างๆปรากฏออกมา เมื่อคุณต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงในเอกสาร ก็เพียงแค่นำเมาส์ไปชี้ตรงด้านบนตำแหน่งนั้นเคลื่อนย้ายไปเรื่อยๆรูปแบบของเอกสารก็จะเปลี่ยนตามไปชุดออฟฟิสในฝันOffice 2007 เป็นโปรแกรมชุดสำหรับการทำงาน ไม่ว่าจะเป็น การพิมพ์เอกสาร, ตารางคำนวณ, ระบบจัดการฐานข้อมูล, การนำเสนอ, การติดต่อ และอีเมล์ รวมถึงการทำงานแบบเป็นทีมร่วมกันของโปแกรมใหม่ล่าสุดอย่าง Groove 2007 สุดยอดโปรแกรม Collaboration ที่ไม่ว่าคุณจะอยู่ส่วนไหนของโลก การทำงานร่วมกันของเอกสารต่างๆ จะเป็นเรื่องง่าย อย่างที่คุณไม่เคยรู้สึกมาก่อนความเข้ากันได้กับเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้Office 2007 เปลี่ยนแปลงการบันทึกข้อมูลจาก .doc สู่ระบบ .docx ซึ่งเป็นการพัฒนาไปอีกขั้นสำหรับฟอร์แมตของไฟล์ ที่คุณสามารถ
บันทึกเป็นเวอร์ชั่นของไฟล์ Office 97, 2000, XP และ Office 2003 ได้ ทำให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างเวอร์ชั่นไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป
บันทึกไฟล์เป็น .PDF ได้เลยจากตัวโปรแกรมเอง ทำให้การแลกเปลี่ยนเอกสารข้ามแพลตฟอร์มที่เคยเป็นปัญหา หมดไป
แลกเปลี่ยนข้อมูลผ่าน Office SharePoint Server และ Groove Server ระหว่างทีมเวิร์ค ทำให้การส่งผ่าน, แก้ไข และจัดการข้อมูลของ Office เวอร์ชั่นต่างๆนั้นทำได้ง่าย, สะดวกและมีประสิทธิภาพ นอกจาก Office 2007 จะปรับเปลี่ยนหน้าตาและความสามารถให้เหนือชั้นอย่างที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนแล้วของขวัญชิ้นที่ดีที่สุดที่ Microsoft ให้มาด้วยนั้นคือ User Friendly ของระบบการทำงาน ด้วยการศึกษาและค้นคว้าถึงความต้องการของผู้ใช้งานมาตลอดนับตั้งแต่เวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ ทำให้วันนี้ Microsoft Office 2007 System เป็นระบบแอพลิเคชั่นสำหรับการทำงานในยุคหน้า ที่จะให้คุณและผมสนุกสนานในการทำงานมากยิ่งขึ้นอย่างแท้จริง

ความต้องการระบบของ Office 2007เนื่องจาก Microsoft Office 2007 เป็นโปรแกรมที่ออกแบบมา เพื่อให้ใช้งานง่าย ดังนั้นส่วนติดต่อกับผู้ใช้และการทำงานจึงเป็นแบบกราฟิกโดยมาก อีกทั้งการทำงานในส่วนของ Live Preview ซึ่งต้องการหน่วยความจำในการทำงานมาก ผู้ที่ต้องการใช้จึงจำเป็นต้องมีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เพียงพอสำหรับรันระบบด้วย
Microsoft Windows XP Service Pack (SP) 2 หรือ later หรือ Microsoft Windows Server 2003 (หรือสูงกว่า) เป็นสิ่งจำเป็น
500 megahertz (MHz) processor หรือสูงกว่า; 256 megabyte (MB) RAM หรือสูงกว่า; DVD drive; 1 gigahertz (GHz) and 512 MB of RAM หรือสูงกว่า เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อรัน Microsoft Office Outlook 2007 with Business Contact Manager
2 gigabyte (GB) สำหรับการติดตั้ง; เนื้อที่ในฮาร์ดดิสจะว่างเพิ่มมากขึ้นหลังจากที่ไฟล์ดาวน์โหลดและไฟล์สำหรับการติดตั้งถูกลบออกไป
หน้าจอที่รองรับ 800x600; 1024x768 หรือมากกว่า
สำหรับผู้ใช้ Outlook 2007 จำเป็นต้องมีโปรแกรม Internet Explorer ไว้ในเครื่องด้วย









ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับ Microsoft Office 2007


Microsoft Office 2007 Homepage Preview site


Windows Vista