อาการเสียของคอมพิวเตอร์ ตอนที่5


เพราะเหตุใดจอจึงดับโดยไร้สาเหตุใช้ Windows 98 ตอนบูตเครื่องขึ้นมาไม่มีปัญหา แต่ถ้าทิ้งเครื่องไว้สักประมาณ 5 นาทีหรือขณะกำลังทำงาน อยู่ จอก็ดับไปเฉย ๆ แต่เครื่องทำงานอยู่ ถ้าไปกดปุ่ม ESC ก็จะกลับมาเหมือนเดิม สาเหตุที่เป็นอย่างนั้นก็คือ เกิดจากการตั้งค่า ในส่วน Power Management ( การประหยัดในวินโดวส์ เมื่อไม่ได้ทำงานบนคอมพิวเตอร์เป็นเวาลานาน ๆ ) ของวินโดวส์ ซึ่งขั้นตอนการแก้ไขก็ทำตามขั้นตอนดังนี้ 1 เข้าไปในส่วนของ Display Properties คลิกแท็บ Screen Saver 2 คลิกปุ่ม Setting 3 คลิกที่แท็บ Power Schemes4 เลือกค่าต่าง ๆ ในส่วนของ Setting for Always.... ให้เป็น Never ให้หมด และคลิกปุ่ม OK เพื่อทำการบันทึกค่า5 คลิกปุ่ม OK อีกครั้งเพื่อปิด หน้าต่าง Display Propertie เพียงแค่นี้ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้แล้ว
ชัตดาวน์แล้วปรากฎข้อความ "Windows protect errorปัญหานี้มักจะเกิดมาจากไดรเวอร์ของอุปกรณ์ฮาร์แวร์ประเภทการ์ดจอ และเมนบอร์ดเสียเป็นส่วนใหญ่ซึ่งการแก้ไขทั่ว ไปก็ให้เข้าไปดาวน์โหลดไดรเวอร์ ตัวใหม่ ๆ จากเว็บไซต์ของผู้ผลิต มาแทนไดรเวอร์ ตัวเก่า ส่วนคนที่ใช้การ์ดจอของ Nvidia และใช้ไดรเวอร์ Detemator 3 (6.xx) ก็จะเกิดปัญหานี้ด้วย เพราะว่า Detemator 3 (6.xx) จะไม่ทำการเคลียร์แรม เมื่อเลิกใช้ พอทำการชัตดาวน์วินโดวส์มันจะจัดการกับแรมที่ค้างไม่ได้ จึงขึ้นข้อความ Protection Error ทางแก้ไขนั้นให้ทำการ ดาวน์โหลดไดรเวอร์การ์ดจอของ Nvidia เวอร์ชั่น 7.xx มาใช้งาน ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ http://www.nvidia.com/แต่ไดรเวอร์ตัวนี้ก้ยังมีปัญหาในการเล่น Mode 3D วิธีแก้ก็ให้คุณทำการรีสตาร์ทใหม่ 1 ครั้ง แล้วค่อยชัตดาวน์ครับ
จอภาพสั่น ๆ หรือกระพริบอยู่ตลอดเวลา ทำงานแล้วรู้สึกปวดตาจะแก้ปัญหาอย่างไรดี ?? ปัญหานี้เกิดจากคุณไม่ได้เข้าไปปรับอัตรา Refresh Rate ของจอภาพใน Windows ครับ หรือถ้าปรับแล้วก็ยังสั่นอยู่อีก ให้ลองดูครับว่ามีคลื่นสนามแม่เหล็ก มากวนจอภาพของเราหรือเปล่า เช่น จอภาพที่วางใกล้ ๆ กัน หรือจะเป็นคลื่นจากลำโพงที่วางไว้ใกล้กับจอภาพ อัตรา Refresh สูง ๆ นั้นจะช่วยให้ภาพที่แสดงออกมานั้นนิ่งดูสบายตามากขึ้น สำหรับจอภาพขนาด 15" ส่วนใหญ่จะปรับอัตรา Refresh Rate อยู่ที่ 75-85 Hz ซึ่งการปรับอัตรา Refresh Rate นี้จะสัมพันธ์กับความละเอียดของจอด้วย เช่น 800x600 @ 85Hz , 1024x768 @ 75Hz ฯลฯ ขั้นตอนการปรับอัตรา Refresh Rate ทำได้ดังนี้- คลิกขวาที่ Desktop เลือก Properties - คลิกที่แท็บ Settings และคลิกที่ Advanced - คลิกที่แท็บ Adapter ที่ Refresh Rate สามารถปรับอัตรา Refresh Rate ได้ตามต้องการ - คลิก ปุ่ม OK - คลิกปุ่ม YES เพื่อยืนยันอีกครั้ง เพียงแค่นี้ก็สามารถแก้ปัญหาได้แล้วละครับ
หากไม่มีส่วนให้ปรับค่า Refresh Rate ทำอย่างไรเป็นปัญหาพอสมควร เพราะหลังจากการที่ได้ติดตั้งไดรเวอร์ต่าง ๆ ครบแล้วครั้นจะมาทำการปรับแต่งอัตรา Refresh Rate แต่ปรากฎว่าไม่สามารถทำได้เลย เพราะไม่มีช่องให้ปรับแต่ง ซึ่งหากว่าพบปัณหาแบบนี้ก็ต้อง ใช้ซอฟต์แวร์ช่วยในการปรับแต่งนั่นก็คือ โปรแกรม Power Strip โดยสามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ Download.com เมื่อทำการ ดาวน์โหลดและติดตั้งเสร็จแล้ว ตัวโปรแกรมก็จะฝังตัวอยู่ที่ทาส์บาร์ใกล้ ๆ กับนาฬิกาด้านขวาล่าง ซึ่งขั้นตอนในการปรับแต่งจากโปรแกรม Power Strip มีดังนี้ 1 คลิกขวาที่ไอคอน Power Strip 2 เลือกไปที่ตัวเลือก Desk top3 ปรับค่ารีเฟรชในส่วนของ Refresh Rate ซึ่งควรปรับอยู่ที่ 70-85 Hz4 เมื่อปรับแล้วก็ให้ คลิกปุ่ม OK เท่านี้ก็สามารถปรับอัตรารีเฟรซได้แล้วครับ

ที่ office ไม่ยอมให้เล่น msn อยากรู้ว่าจะมีวิธีการเล่นอย่างไรอีกบ้าง
คงต้องผ่านเวบแล้วละครับ โดยเข้าไปที่ webmessenger.msn.com ถ้า Browser ของคุณเปิดระบบ Block Popup เอาไว้แนะนำให้ปิดก่อนสักครู่ครับ พอเรา Sign in ได้แล้วค่อยกลับมาเปิด Block Popup ใหม่ครับ ไม่งั้นคุณจะไม่สามารถเล่นได้

อาการเสียของคอมพิวเตอร์ ตอนที่4


ไดรว์ซีดีรอม อ่านแผ่นได้บ้างไม่ได้บ้าง หาแผ่นไม่เจอ แก้ปัญหาอย่างไรปัญหานี้มักจะไม่เกิดกับไดรว์ซีดีรอมตัวใหม่ ๆ ครับ แต่ส่วนใหญ่จะเกิดกับไดรว์ซีดีรอมที่มีการใช้งาน มานานแล้ว หรือประมาณ 1 ปีขึ้นไป และสาเหตุที่เห็นกันบ่อยก็คือหัวอ่านสกปรก ส่วนใหญ่จะเป็นพวกฝุ่น เข้าไปกับแผ่นซีดี แล้วเราก็นำมันเข้าไปอ่านในไดรว์ ฝุ่นก็เลยเข้าไปติดที่หัวอ่าน พอสะสมมาก ๆ เข้าก็เลย ทำให้เกิด อาการดังกล่าว อ่านแผ่นไม่ได้บ้างละ หาแผ่นไม่เจอบ้างละ วิธีการแก้ไขก็คือทำความสะอาดหัวอ่าน โดยใช้แผ่นซีดีที่ไว้สำหรับทำความสะอาดหัวอ่าน ที่มีขายอยู่ตามร้านคอมพิวเตอร์ทั่วไปมาใช้ รับรองอาการดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน
ปัญหาของซีดีออดิโอถ้าคุณเล่นซีดีออดิโอใน CD Writer แล้ว Windows Media หรือ CD Playar แสดงข้อความ "Please insert an audio compact disk" หรือ Data or no disk loaded อาจมีสาเหตุมาจากไดรเวอร์ วิธีแก้คือ ให้เปิด Control Panel เลือก Sound &Multimedia คลิก Devices ดับเบิลคลิก ที่ Media Control Devices และ CD Audio Devices (Media Control) คลิก Remove และ Yes คลิก OK เพื่อปิด หน้าต่างทั้งหมดและบูตเครื่องใหม่
อะไรคือสาเหตุ ที่ทำให้แผ่น CD-ROM เล่นเพลงจนแผ่นแตกกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้วครับ เรื่องไดรว์ CD-ROM ทำแผ่นแตก ซึ่งสาเหตุก็เป็นเพราะไดรว์ ที่ผลิตในปัจจุบันมีความเร็วสูง ทำให้เมื่ออ่านแผ่นที่มีคุณภาพต่ำหรือแผ่นที่มีรอยขีดข่วนลึก ๆ ก็ทำให้เกิดสะดุดเป็นผล ทำให้แผ่นแตก ซึ่งปัญหานี้เราจะไม่พบในไดรว์รุ่นเก่า ๆ เลย ทางแก้ก็คือหลีกเลี่ยงการใช้แผ่นที่มีคุณภาพต่ำ หรือแผ่นที่เป็นรอยมาก ๆ
แบตเตอรี่เสื่อมทำอะไรกับเครื่องคุณได้บ้างบางครั้งเมื่อเราเปิดเครื่องคอมฯ ขึ้นมาปรากฎว่าเจอกับข้อความ "CMOS CHECKSUM ERROR" หรือไม่เมื่อเราใช้เครื่องคอมฯ ไปเรื่อย ๆ จะสังเกตุเห็นว่านาฬิกาของเครื่องดูเหมือนจะเดินช้าลงนั่น แสดงให้เห็นว่าแบตเตอรี่ที่อยู่ในเมนบอร์ดของเรากำลังจะหมด และถ้ายังคงใช้งานต่อไปโดยไม่หา แบตเตอรี่มาเปลี่ยนก็จะทำให้ค่าต่าง ๆ ที่ตั้งไว้ใน BIOS SETUP หายไปได้ อย่างเช่นค่าของ ฮาร์ดดิสก์ว่า เป็นชนิดอะไร ทำให้เมื่อเปิดเครื่องขึ้นมาใหม่ เราจะต้องตั้งค่าเหล่านี้ใหม่ทุกครั้ง
"Bad or Missing Interpreter" มันคืออะไรปัญหาลักษณะนี้จะเกิดจากไฟล์ Command.com นั้นเกิดความเสียหาย หรือถูกลบทิ้งไป ซึ่งทางแก้ไขก็คือให้คุณทำการ ก๊อปปี้ไฟล์ Command.com จากเครื่องอื่น ซึ่งต้องเป็นวินโดวส์รุ่นเดียวกัน หรือจากแผ่น Start Up ดิสก์ที่สร้างจากเครื่อง คุณก็ได้ โดยเมื่อก๊อปปี้ไฟล์ได้แล้วก็ให้ใส่แผ่นในไดรว์ A แล้วเข้าไปที่ A : Promt จากนั้นก็พิมพ์คำสั่ง copy a:\command.com c: เพียงเท่านี้ก็สามารถใช้งานคอมได้เป็นปกติ
"8042 GATE-A20 Error" มันคืออะไรหากว่าพบข้อความ 8042 GATE-A20 Error ปรากฎขึ้นมา นั่นแสดงว่าชิปที่ควบคุมการทำงานของแป้นพิมพ์บนเมนบอร์ด มีปัญหาหรืออาจเกิดจากปลั๊กเสียบไม่แน่น ให้คุณทำการปิดเครื่องแล้วลองขยับปลั๊กให้แน่นขึ้นดู หากยังไม่หายนั้นแสดง ว่าเมนบอร์ดของคุณมีปัญหาแล้ว ควรที่จะยกไปให้ซ่อมหรือไปเปลี่ยนกับทางร้านที่คุณซื้อมา (ถ้ายังมีประกัน)
ทำไมเสียงไม่สามารถแสดงออกมาพร้อมกัน 2 เสียงได้ โดยทั่วไปแล้วการ์ดเสียงส่วนใหญ่จะสามารถทำได้อยู่ ปัญหาน่าจะเกิดมาจากการ์ดเสียงหรือว่าโปรแกรม DirectX ซึ่งการแก้ไขก็ให้คุณลองนำการ์ด เสียงตัวที่คุณใช้แล้วมีปัญหา ไปลองกับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ดู หรือลองอัพเดต โปรแกรม DirectX ให้สูงกว่าเวอร์ชั่น 6 ถ้าหากไม่หายแสดงว่าการ์ดเสียงของคุณมีปัญหา แล้วละครับ
Disk Boot Failure สาเหตุอาจเกิดจาก เกิดจากคุณอาจลืมแผ่นดิสที่บูทไม่ได้ไว้ในไดร์ฟ A: หรือ แผ่น CD ไว้ในไดร์ฟ CD (กรณีตั้งซีมอสให้บูทที่ซีดีได้) หรือเกิดจากฮาร์ดดิสที่เป็นตัวบูท C: ไม่สามารถใช้งาน ได้หรือมีการเปลี่ยนแปลงค่าในซีมอสทำให้ไม่ตรงรุ่นของฮาร์ดิส การแก้ปัญหา 1. ตัว Harddisk มีจานแม่เหล็กที่มีผิวเสียหายมากไม่สามรถใช้งานได้อีกต่อไป 2. ขณะที่ทำการ Scandisk ใช้เวลานานหลายชั่วโมงหรือพบพื้นที่เสียหายมากและต่อเนื่องให้ยกเลิกไปทำการ Format แทน (แต่โอกาสที่จะใช้ได้มีน้อยมากเนื่องจากผิวจานแม่เหล็กเสียหายมาก) 3. ตัวควบคุม Harddisk หรือสายแพรที่ใช้ต่อ Harddisk กับ Controler บน MainBoard เสียหรือเสื่อมสภาพ (จะมีโอกาสเกิดน้อยกว่าความเสียหายบนตัว Harddisk เอง) หลังจากทำตามขั้นตอนต่างๆ แล้วยังเกิดอาการดังกล่าวอีกให้ทำการ Format Harddisk ตัวนี้ โดยทำดังนี้ 1. Boot เครื่องด้วยแผ่น Startup Disk 2. เรียกคำสั่ง Format แบบเต็ม (Full Format) ดังนี้ โดยพิมพ์คำสั่งที่เอพร้อม a:/format c:/s และกด Enter และ ตอบ y และ Enter 3. ในขณะที่ทำการ Format โปรแกรมจะทำการตรวจสอบพื้นผิวของจานแม่เหล็กถ้าพบจุดเสียที่ใดก็จะทำการบันทึก ไว้ในตาราง FAT ของตัว Harddisk เพื่อไม่ให้โปรแกรม อื่นๆ นำพื้นที่นี้ไปใช้ได้อีก (จุดที่เสียจะเรียกว่า BAD Sector) 4. จากนั้นก็สามารถนำไปลง OS Program ต่อไปได้ 5. หากยังเกิดอาการดังกล่าวอีกแนะนำให้เปลี่ยนตัว Harddisk ครับ คงจะไม่ไหวแล้วจริงๆ
Harddisk ไม่ทำงาน (ไม่มีเสียง Motor หมุน) สาเหตุอาจเกิดจาก 1. เกิดจากไม่มีไฟเลี้ยงตัว Mortor และวงจรควบคุมตัว Mortor 2. ตัวควบคุมการทำงาน (Controler) บนตัว Harddisk เสียหาย3. สายบางเส้นที่ต่อจาก Harddisk กับตัวควบคุมบน Mainboard หลวมหรือหลุดหรือเกิดสนิม การแก้ปัญหา 1. ตรวจสอบสายต่อไฟเลี้ยงดูว่าแน่นหรือเกิดสนิมหรือเปล่า โดยการถอดออกมาแล้วตรวจดูว่าเป็นปกติหรือไม่ แล้วเสียบกลับเข้าไปใหม่ 2. เปลี่ยนสายไฟเลี้ยงที่ต่อให้กับตัว Harddisk เส้นใหม่ดูว่าใช้งานได้หรือเปล่า 3. ทดลองเปลี่ยนสายแพร หรือถอดออกดูก่อนแล้วเปิดเครื่องเพื่อดูว่าทำงานได้หรือเปล่า 4. อาจลองนำเอาสายไฟเลี้ยงที่ต่อให้กับ CD-ROM Drive มาต่อดูก็จะรู้ได้ว่าสายจ่ายไฟเลี้ยงเสียหรือเปล่า
Sector not fond error reading in drive C: สาเหตุอาจเกิดจาก 1. ปัญหานี้จะคล้ายกับอาการ Data error reading in drive C: หรือ BAD Sector แต่ส่วนที่เกิดปัญหานี้จะเกิดกับส่วนของ File Allocation Table (FAT) ไม่ใช่ที่ตัวพื้นที่เก็บข้อมูลจริง 2. ส่วนของฮาร์ดดิสที่ใช้ในการเก็บข้อมูลของ FAT มีปัญหาเช่นเกิดการเสื่อมของสารแม่เหล็กหรือเกิดรอยที่ผิวของจานแม่เหล็ก เนื่องจากหมดอายุการใช้งาน การแก้ปัญหา 1. ทำเช่นเดียวกับปัญหา BAD Sector แต่ในส่วนโหมดของการ Scan ให้เลือกเป็นแบบ Standard ก็พอ โดยโปรแกรมจะทำการตรวจในส่วนของ File Allocation Table (FAT) และ Folders และเมื่อโปรแกรมตรวจพบข้อผิดพลาดก็จะทำการซ่อมแซมค่าที่ผิดพลาดนั้นๆ ให้กลับเป็นปกติ หรืออาจบันทึกเป็นชื่ออื่นแต่ตัวข้อมูลจะยังอยู่ซึ่งเราต้องเข้าไปแก้ไขเองอีกครั้ง ซึ่งปัญหาที่มักจะเกิดก็ได้แก่ Cross link, Folders error ที่เกิดขึ้นในตาราง FAT ซึ่ง Files ที่มักจะสร้างปัญหาบ่อยๆ ก็ได้แก่ประเภทที่มีส่วนขยายเป็น TMP ซึ่งมักจะถูกเก็บอยู่ที่โฟเดอร์ชื่อ TEMP (c:\windows\temp) ซึ่ง Files เหล่านี้ จะถูกสร้างจากโปรแกรมประยุกต์ต่างๆ เช่น โปรแกรมเวิร์ดโปรเซสซิ่ง ซึ่งผู้ใช้งานควรที่จะทำการลบ Files พวกนี้ทิ้งเป็นประจำ การลบ temp files ทำได้โดยการเข้าไปที่โฟรเดอร์ดังนี้ และทำการเลือกทุก files และกดปุ่ม DELETE ที่แป้นคีบอร์ด (C:/windows/temp/*.tmp) 2. หากแก้ไขตามข้อแรกไม่ได้ผลควรที่จะทำการ Format ฮาร์ดดิสใหม่ และลงโปรแกรมใหม่เพื่อเป็นการจัดและเริ่มต้นระบบใหม่ซึ่งจะมีผลให้ความเร็วในการทำงานของเครื่องเพิ่มขึ้นด้วย ก่อนการทำการ Format ฮาร์ดดิสต้องแน่ใจว่าไม่มีความจำเป็นต้องรักษาข้อมูลบนตัวฮาร์ดดิส หรือได้สำรองข้อมูลที่สำคัญไว้ในสื่ออื่นๆ แล้ว การ Format ทำได้โดย Boot เครื่องด้วยแผ่น Startup Disk แล้วใช้คำสั่ง a:/format c:/s เพื่อทำการจัดเตรียมพื้นที่ใหม่ โดยโปรแกรมจะทำการตรวจสอบพื้นผิวของแผ่นจานเก็บข้อมูล และเมื่อไม่สามารถอ่านพื้นผิวบริเวณใดก็จะระบุตำแหน่งจุดที่เสียบนพื้นผิวเพื่อที่โปรแกรม Windows จะไม่ไปใช้พื้นที่นั้นในการเก็บข้อมูล การป้องกันปัญหา: 1. ทำการ Scandisk ทุกๆ สัปดาห์ 2. ลบ temp files ใน Windows/temp ทิ้งให้หมดหลังจากการทำ Scandisk แล้ว (ก่อนทำการ Scandisk และลบ temp file ทิ้ง ควรทำการปิดโปรแกรมทุกตัวก่อนทุกครั้ง) 3. ใช้โปรแกรม Disk Cleanup ช่วยในการลบ files ที่ไม่จำเป็นทิ้งโดยเริ่มต้นที่ Start Menu/Programs/Accessories/System tools/Disk Cleanup จากนั้นทำเครื่องหมายถูกที่หน้า Temporary files
Data Error Reading in Drive C: สาเหตุอาจเกิดจาก เนื่องจากโปรแกรมไม่สามารถอ่านข้อมูลจากผิวของตัวจานเก็บข้อมูลได้ การแก้ปัญหาเรียกโปรแกรม Scandisk ขึ้นมาโดย1. ดับเบิลคลิกที่ My Computer 2. ชี้ mouse ไปที่ Drive ที่ต้องการจะทำการ Scan 3. คลิกปุ่มขวาของ Mouse เลือก Properties 4. เลือก TAB Tools 5. กดปุ่ม [Check Now...] บน Windows Propeties 6. เลือกรูปแบบการ Scan เป็น [Thorough] 7. ทำเครื่องหมายถูกหน้า Automatically fix errors 8. เริ่มทำการ Scan โดยกดที่ปุ่ม Start 9. เมื่อทำการ Scan จนเสร็จแล้วจะมีหน้าต่างแสดงค่าที่ทำการ Scan ให้ดู (ScanDisk Results- [c:] ให้สังเกตุดูที่หัวข้อ bytes in bad sectors ถ้ามีตัวเลขขึ้นแสดงว่าโปรแกรม Scan ตรวจพบส่วนที่เสียหายของผิวจานแม่เหล็กของ Hardisk 10. กดปุ่ม close เพื่อทำการปิดโปรแกรม ScanDisk 11. ในขณะนี้โปรแกรม ScanDisk จะทำการตรวจสอบส่วนต่างๆ ของ Harddisk เรียบร้อยแล้วและได้ทำการทำเครื่องหมายบริเวณที่ไม่สามารถอ่านได้แล้วลงบนตารางแฟ็ท (FAT=File Allocation Tables), Folders หลังจากทำการ Scandisk เสร็จแล้วอาการดังกล่าวน่าจะหายไป

ใช้การ์ดจอของ TNT แล้วเมื่อพิมพ์ข้อความต่าง ๆ สระบนล่างไม่ยอมขึ้นมาทันที ต้องพิมพ์ตัวต่อไปก่อนจึงจะเห็น เป็นปัญหาที่พบบ่อยมาก ๆ กับผู้ที่ใช้การ์ดจอของ TNT ครับให้ลองหา Driver รุ่นใหม่ ๆ จากเวปไซต์ของผู้ผลิตการ์ดจอมาใช้ จะแก้ไขได้หรือใช้ Driver ของ Detonator Version 3.65 หรือใหม่กว่านี้ขึ้นไป หาได้จาก http://www.nvidia.com
ปัญหาสีเพี้ยนของหน้าจอแก้ปัญหาอย่างไรปัญหาสีเพี้ยนลักษณะนี้อาจเกิดจากคลื่นแม่เหล็กที่วางอยู่ใกล้ ( ตู้เย็น,เตาอบไมโครเวฟ,ลำโพง ) ถาพที่ปรากฎ จึงมีสีเพี้ยนไป ซึ่งหากว่ามีการนำลำโพงที่ไม่มี Shield ป้องกันคลื่นแม่เหล็ก ไปวางไว้ข้างจอคอมพิวเตอร์ ก็อาจพบว่าภาพบนจอคอมพิวเตอร์แสดงสีเพี้ยน ๆ เพราะว่าในตัวของลำโพงจะประกอบไปด้วยคลื่นแม่เหล็กแรงสูงอยู่ภายใน จึงทำให้มอนิเตอร์ที่มีการใช้สนามแม่เหล็กในการควบคุมการยิงเม็ดสี ให้ตกกระทบ ตรงตำแหน่งบนหน้าจออย่างถูกต้อง เกิดอาการยิงผิดยิงถูก ภาพที่ออกมาจึงมีสี เพี้ยนไป วิธีการแก้ไขก็เพียงวางลำโพงให้ห่างจากจอคอมพิวเตอร์พอประมาณ หรือหาลำโพงที่ Shield ป้องกันคลื่นแม่เหล็กมาใช้ ภาพสีก็จะหายไปครับ แต่ถ้าอาการยัง ไม่ดีขึ้น ควรให้ช่างตรวจเช็คดูดีกว่า เพราะบางทีอาจมีปัญหาที่จอมอนิเตอร์เอง

อาการเสียของคอมพิวเตอร์ ตอนที่3


ตรวจสอบว่าการ์ดเสียงได้รับเลือกให้เป็นอุปกรณ์ที่ต้องการแล้วหรือยัง 1. ไปไหนส่วน Control Panel แล้วดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอน Sound and Multimedia เลือกที่แท็บ Audio ในส่วนของ Sound Playback และ Sound Recording ให้ตรวจสอบว่าเลือกการ์ดเสียงในกล่อง Preferred device แล้วหรือยัง ถ้ามีการเลือก (None) หรืออุปกรณ์อื่นในกล่อง preferred device ก็ให้เลือกเป็นรุ่นการ์ดเสียงที่ใช้แทน คลิกปุ่ม OK เพื่อทำการบันทึกค่าตรวจสอบว่า วินโดวส์ได้กำหนดค่าให้ใช้คุณลักษณะเสียงของการ์ดเสียงแล้วหรือยัง 1. เข้าไปในส่วน Multimedia ที่ Control Panel แล้วคลิกที่แท็บ Devices คลิกเครื่องหมาย + หน้าตัวเลือก Audio Devices ดับเบิ้ลคลิกที่การ์ดเสียง จากนั้นตรวจสอบว่าได้คลิกเครื่องหมายถูกหน้าตัวเลือก Use audio features on this device แล้วหรือยัง ถ้ายังไม่ได้เลือกก็ให้คลิกเลือกตัวเลือกนี้ เสร็จแล้วให้คลิกปุ่ม OK จนกระทั่งกลับไปยัง Control Panel ให้ปิดหน้าต่าง Control Panel แล้วทำการบู๊ตเครื่องใหม่ ตรวจสอบว่าคุณติดตั้งอุปกรณ์ Wave Audio แล้วหรือยัง 1. ให้เข้าไปที่ส่วน Multimedia ใน Control Panel แล้วคลิกที่แท็บ Devices คลิกเครื่องหมาย + หน้าตัวเลือก Media Control Devices ดูให้แน่ใจว่าได้ติดตั้ง Wave Audio Device (Media Control) หรือยังถ้าหากว่ามีการติตตั้งแล้วก็ให้ดับเบิ้ลคลิกที่ Wave Audio Device (Media Control) ดูให้แน่ใจว่าได้เลือกตัวเลือก Use this Media Control device แล้วถ้ายังก็ให้คลิกเลือก คลิกปุ่ม OK แต่ถ้ายังไม่ได้ติดตั้ง Wave Audio Device (Media Control) ก็ให้กลับไปหน้า Control Panel ก่อนแล้วให้ดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอน Add New Hardware คลิกปุ่ม Next ไปเรื่อย ๆ วินโดวส์ ก็จะถามว่าต้องการที่จะให้วินโดวส์ ทำการหาอุปกรณ์ให้โดยอัตโนมัติหรือไม่ ให้เลือกตัวเลือก No. I want to select….. คลิกปุ่ม Next เพื่อทำขั้นตอนต่อไป ภายใต้ส่วนของ Hardware types ให้คลิกเลือกตัวเลือก Sound, Video and Game Controllers คลิกปุ่ม Next เพื่อทำขั้นตอนต่อไป ในส่วนของ Manufacturers ให้เลือกตัวเลือก Microsoft MCI แล้วให้คลิกเลือกตัวเลือก Wave Audio Device (Media Control) ในส่วนของ Models คลิกปุ่ม Next ต่อมาคลิกปุ่ม Finish ถ้าได้รับแจ้งให้ใส่ซีดีรอมติดตั้งโปรแกรมวินโดวส์ ก็ให้ใส่แผ่นติดตั้งลงไป แล้วคลิกปุ่ม OK เลือกไปที่โฟลเดอร์วินโดวส์ที่อยู่ในแผ่นซีดีรอม จากนั้นก็คลิกปุ่ม OK สุดท้ายวินโดวส์ก็จะทำการติดตั้งไฟล์ เมื่อติดตั้งเสร็จวินโดวส์จะให้ทำการบู๊ตเครื่องใหม่ ก็ให้คลิกปุ่ม Yes ได้ทันที เมื่อเข้าวินโดวส์อีกครั้งก็ให้ลองตรวจสอบดูว่า ปัญหาแก้ไขได้แล้วหรือยัง ตรวจสอบว่าคุณติดตั้งอุปกรณ์เสียงซีดีแล้วหรือยัง1. ขั้นแรกให้เข้าไปในส่วน Multimedia ของ Control Panel แล้วคลิกแท็บ Devices คลิกเครื่องหมาย + หน้าตัวเลือก Media Control Devices ดูให้แน่ใจว่าการแสดง CD Audio Device (Media Control) ในรายการแล้วหรือยัง ถ้ามีการแสดงอุปกรณ์นี้ในรายการแล้ว ให้ดับเบิ้ลคลิกที่ตัวเลือก CD Audio Device (Media Control) ดูให้แน่ใจว่าได้เลือก Use this Media Control dอvice แล้วหรือยัง ถ้ายังก็ให้คลิกเลือกตัวเลือก Use this Media Control device จากนั้นคลิกปุ่ม OK จนกระทั่งกลับเข้าสู่ส่วนของ Control Panel อีกครั้ง ก็ให้คุณลองทดสอบดูว่าปัญหาได้รับการแก้ไขแล้วหรือยัง ในกรณีที่ไม่มีการแสดงอุปกรณ์ CD Audio Device (Media Control) นี้ในรายการ ก็ให้ติดตั้งอุปกรณ์นี้ ในส่วนของ Models ก็ให้เลือกตัวเลือก CD Audio Device (Media Control) แทนเท่านั้นเองครับ
วิธีแก้ไขภาพกระตุกเมื่อชมภาพยนตร์ ในการชมภาพยนตร์นั้นหากว่าอัตราการรีเฟรซภาพ (การกะพริบของหน้าจอ) ไม่เร็วภาพที่ออกมาก็จะมีอาการกระตุก ๆ แต่อาการกระตุกก็อาจเกิดจากเครื่องเล่นซีดีเก่าเกินไปหรือแผ่นที่ดูนั้นอาจไม่ดีก็ได้ ซึ่งหากว่ามีการรีเฟรซแล้วอาการกระตุกยังไม่หาย ก็ให้ตรวจสอบจากจุดนี้ด้วยโดยขั้นตอนการปรับอัตราการรีเฟรซของภาพให้เร็วขึ้นก็สามารถทำได้ดังนี้ 1. คลิกขวาบนพื้นที่ว่าง ๆ ของเดสก์ทอป แล้วเลือกไปที่คำสั่ง Properties 2. คลิกไปที่แท็ป Settings 3. เลือกสีในส่วนของ Color เป็น 256 Color 4. เลือกความละเอียดในส่วนของ Screen ไปที่ 640 by 480 pixels 5. คลิกปุ่ม Ok เพื่อทำการบันทึกค่า เพียงเท่านี้ก็จะทำให้อัตราการรีเฟรซของภาพเร็วขึ้นแล้วครับ
วิธีการปรับแต่งไมโครโฟน ในการปรับแต่งไมโครโฟนนั้นสามารถปรับแต่ได้ในส่วนของ Sound ที่อยู่ใน Control Panel โดยเมื่อทำการเสียบไมโครโฟนลงไปในซาวน์การ์ดแล้วก็สามารถทำงานได้ทันที แต่ในบางครั้งเราอาจจะไปปิดเสียงของไมโครโฟนไว้ ผลที่ตามมาเมื่อพูดใส่โมโครโฟนก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น (ทำให้หลายคนคิดไปว่าไมโครโฟนเสียแน่ ๆ ) ซึ่งขั้นตอนในการใช้ไมค์นั้นสามารถทำได้ดังนี้ 1. ดับเบิ้ลคลิกไอคอนรูปลำโพงข้างล่างทางซ้ายมือของจอภาพ2. คลิกเมนูคำสั่ง Option>Properties3. จะพบตัวเลือกให้เลือกอยู่ 2 ตัวเลือกคือ - Playbackแสดงรายละเอียดของเสียที่จะออกมา- Recordingแสดงรายละเอียดของการปรับรายละเอียดของการอัดเสียง ก็ให้เลือกที่ตัวเลือกแรก4. คลิกเครื่องหมายถูกหน้าตัวเลือก Microphone ในส่วนของ Show all… 5. คลิกปุ่ม OK 6. เพียงเท่านี้ก็สามารถปรับเสียงดัง-เบาได้แล้ว โดยการเลื่อนตัวปรับระดับเสียงในส่วนของ Microphone 7. หากว่าต้องการปรับรายละเอียดเพิ่มเติมของไมโครโฟน ก็ให้คลิกปุ่ม Advanced8. ซึ่งเราสามารถปรับเสียงสูง (Treble) เสียงต่ำ (Bass) ได้ในส่วนของ Tone Controls 9. เมื่อทำการปรับแต่งจนพอใจแล้ว ก็ให้คลิกปุ่ม Close เท่านี้ก็สามารถใช้งานไมโครโฟนได้แล้วครับ

ฮาร์ดดิสก์บูตไม่ขึ้น จริงแล้วสาเหตุที่ฮาร์ดดิสก์บูตไม่ขึ้นนั้นหลายครั้งมักเกิดจากความผิดพลาดทางด้านซอฟต์แวร์ ส่วนสาเหตุทางด้านฮาร์ดแวร์นั้นส่วนใหญ่มักเกิดจากฮาร์ดดิสก์มีแบดเซ็กเตอร์เป็นจำนวนมาก หรือเกิด แบดเซ็กเตอร์บริเวณพื้นที่ที่เก็บข้อมูลสำคัญของฮาร์ดดิสก์จึงทำให้ฮาร์ดดิสก์ไม่สามารถบูตขึ้นมาได้ โดยจะแสดงอาการเงียบไปเฉยๆ หลังจากที่บูตเครื่องขึ้นมาแล้ว หรืออาจฟ้องขึ้นมาว่า No Boot Device หรือ Disk Boot failure Please insert system disk and please anykey to continue สำหรับวิธีแก้ไขนั้น ให้เราทำการตรวจสอบแบดเซ็กเตอร์โดยอาจบูตเครื่องขึ้นมาด้วยแผ่นบูตแล้วใช้ คำสั่ง Scandisk หรือโปรแกรม Norton Disk Doctor เวอร์ชั่นดอสตรวจสอบแบ็ดเซ็กเตอร์และซ่อมแซมดูก่อน หากมีแบดเซ็กเตอร์มากก็อาจไม่หาย หนทางสุดท้ายคือทำ Fdisk แบ่งพาร์ทิชั่นใหม่แล้วพยายามกันส่วนที่เป็นแบดเซ็กเตอร์ออกไป บางครั้งสาเหตุที่ฮาร์ดดิสก์บูตไม่ขึ้น นิ่งเงียบไปเฉยๆ อาจเกิดจากแผ่น PCB ( แผ่นวงจรด้านล่างของฮาร์ดดิสก์ ) เกิดการช็อต วิธีแก้ไขคือให้นำฮาร์ดดิสก์รุ่นเดียวกัน สเป็คเหมือนกันมาถอดเปลี่ยนแผ่น PCB ก็จะทำให้ฮาร์ดดิสก์ตัวที่ช็อตกลับมาทำงานได้เหมือนเดิม หากต้องการกู้ข้อมูลที่สำคัญกลับมาไม่ควรใช้คำสั่ง Fdisk เด็ดขาดเพราะจะทำให้ข้อมูลที่อยู่ภายในฮาร์ดดิสก์ให้เกลี้ยงไปหมด ในที่นี้แนะนำให้ใช้โปรแกรม Spinrite ในการกู้ข้อมูลสำคัญๆ ซึ่งโปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมที่ถูกสร้างมาเพื่อกู้ข้อมูลภายในฮาร์ดดิสก์โดยเฉพาะ
ปัญหาที่เกิดจากซีพียู ซีพียูเป็นอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีในการผลิตค่อนข้างสูงภายในมีรายละเอียดซับซ้อนโดยจะมีทรานซิสเตอร์ตัวเล็กๆ อยู่รวมกันนับล้านๆ ตัวทำให้หากมีปัญหาที่เกิดจากซีพียูแล้วโอกาสที่จะซ่อมแซมกลับคืนให้เป็นเหมือนเดิมนั้นเป็นไปไม่ได้เลย ช่างคอมพิวเตอร์เมื่อพบสาเหตุอาการเสียที่เกิดจากซีพียูแล้วก็ต้องเปลี่ยนตัวใหม่สถานเดียว ปัญหาที่เกิดขึ้นกับซีพียูส่วนใหญ่แล้วจะมีเพียง 2 อาการที่ช่างคอมพิวเตอร์พบได้บ่อยๆ อาการแรกคือ ทำให้เครื่องแฮงค์เป็นประจำ และอาการที่สองคือวูบหายไปเฉยๆ โดยที่ทุกอย่างปกติ เช่นมีไฟเข้า พัดลมหมุน แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นบนหน้าจอ สาเหตุส่วนใหญ่มักจะเกิดจากซีพียูมีความร้อนมากเกินไปจนเมื่อถึงจุดๆ หนึ่งก็เดี้ยงไปแบบไม่บอกไม่กล่าว เลย สำหรับวิธีแก้ปัญหาก็คือต้องส่งเคลมสถานเดียว
RAM หายไปไหน Spec 128 MB. ทำไม Windows บอกว่ามีแรมแค่ 96MB. เอง อาการของ RAM หายไปดื้อ ๆ จะเกิดกับการใช้เมนบอร์ดรุ่นที่มี VGA on board นะครับ ที่จริงก็ไม่ได้หายไปไหนหรอก เพียงแต่ส่วนหนึ่งของ RAM จะถูกนำไปใช้กับ VGA ครับและขนาดที่จะ โดนนำไปใช้ก็อาจจะเป็น 2M, 4M, 8M ไปจนถึง 128M. ก็ได้ขึ้นอยู่กับการตั้งใน BIOS ครับ
"Insert System Disk and Press Enter"อยู่ ๆ ผมไม่สามารถบูตเข้าสู่วินโดวส์ได้ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น โดยจะขึ้นข้อความว่า "Insert System Disk and Press Enter" ทั้ง ๆ ที่ผมไม่ได้ทำการปรับแต่งวินโดวส์ เลย ปัญหานี้เกิดจากบู๊ตเครื่องโดยมีแผ่นดิสก์ที่ไม่มี OS หรือระบบปฎิบัติการอยู่ในไดรว์ A ซึ่งขั้นตอนแก้ปัญหาก็ให้เอา แผ่นไดรว์ A ออกจากนั้นก็กดปุ่ม Enter เพียงเท่านี้ก็สามารถเข้าวินโดวส์ได้แล้ว

อาการเสียของคอมพิวเตอร์ ตอนที่1



กลุ่มอาการเสียของคอมพิวเตอร์

ลักษณะอาการเสียของเครื่องคอมพิวเตอร์ เราสามารถแบ่งได้เป็น 5 กลุ่มอาการ ดังนั้นในการตรวจหาสาเหตุของอาการเสีย ก็ให้ดูว่าเป็นอาการเสียที่อยู่ในกลุ่มใดดังนี้1. ตรวจสอบอาการเสียของเครื่องจากเสียง Beep Code ทุก ๆ ครั้งที่คุณเปิดใช้งานเครื่องครั้งแรก ก็จะได้ยินเสียง ปี๊ป ดังสั้น ๆ 1 ครั้ง แล้วเครื่องก็จะทำงานต่อตามปกติ แต่ถ้าเมื่อไรที่คุณได้ยินสียงมากกว่า 1 ครั้ง หรือมีเสียงดังยาว ๆ จากนั้นเครื่องก็หยุดนิ่ง ก็ทำใจไว้ได้เลยว่าเครื่องของคุณมีปัญหาแล้ว เมื่อคุณเจออาการแบบนี้ให้รีบปิดเครื่องทันที เพราะตราบใดที่เครื่องยังไม่ได้รับการแก้ไข ก็จะไม่สามารถใช้งานเครื่องได้จนกว่าจะแก้ปัญหาเสียก่อน เสียงปี๊ปที่เราได้ยินนี้จะถูกเรียกว่า Beep Code ซึ่งจะมีจำนวนครั้งไม่เท่ากัน และมีเสียงดังสั้นบ้างยาวบ้าง ลักษณะของเสียงที่แตกต่างกันนี้เองที่บอกเราว่า อุปกรณ์ชิ้นไหนมีปัญหา ดังนั้นถ้าเจอปัญหาลักษณะนี้ก็ต้องลองฟังให้ดีว่า ดังกี่ครั้ง สั้นยาวแบบไหน แล้วนำไปเทียบดูในตารางไบอสตามยี่ห้อของไบออส เพื่อจะรุ้ว่าอะไรคือต้นเหตุ แล้วจะได้หาทงแก้ไขต่อไป 2. ตรวจสอบอาการเสียของเครื่องโดยดูจากข้อความที่แจ้งบนหน้าจอ การแจ้งปัญหาหรือความผิดปกติที่เครื่องตรวจพบด้วยข้อความบนหน้าจอ ซึ่งเราเรียกว่า Message Error นับป็นการแจ้งปัญหาอีกแบบหนึ่งที่มีประโยชน์ เพราะเราสามรถรู้ปัญหาได้ทันทีว่าอปกรณ์ตัวไหนทำงานผิดปกติ หรือไม่ก็รู้ว่าการทำงานส่วนใดมีปัญหา ซึ่งจะนำไปสู่แนวทางในการแก้ปัญหาที่ง่ายขึ่น ตัวอย่างของข้อความที่ปรากฎให้เห็นบนหน้าจอบ่อย ๆ อย่างเช่น CMOS checksum Error CMOS BATTERY State LowHDD Controller FailureDiskplay switch not proper ดังนั้นถ้าคุณพบว่าเครื่องได้แจ้งปัญหาให้ทราบก็ให้รับหาทางแก้ไขโดยด่วน แต่ถ้าไม่สามารถแก้ไขได้ก็ให้จดข้อความบนหน้าจอไว้ เพื่อเอาไว้สอบถามผู้ที่สามารถให้คำแนะนำได้หรือเอาไวให้ช่างที่ร้านซ่อมดูก็ได้ เพื่อให้การตรวจซ่อมทำได้เร็วขึ้น 3. ตรวจสอบอาการเสียโดยดูจากความผิดปกติของเครื่องที่สามารถสังเกตุ วิธีนี้คงต้องใช้ทักษะ ความรู้ และความชำนาญมากกว่า 2 แบบแรก เพราะจะเป็นอาการที่เครื่องไม่ได้มีอะไรแจ้งให้เราทราบเลยว่าอุปกรณ์ชิ้นไหนมีปัญหาหรือเสียหาย มีแต่ความผิดปกติที่เราสามารถสังเกตุได้ทางกายภาพ อย่างเช่น เปิดสวิตซ์แล้วไฟไม่ติด , เสียบปลั๊กแล้วเครื่องก็เปิดทันที , เปิดใช้เครื่องได้ไม่ถึง 5 นาที ระบบก็ล่ม เป็นต้น จะเห็นว่าอาการดังกล่าวนี้เครื่องไม่ได้แจ้งอะไรให้เราทราบเลยนอกจากอาการผิดปกติที่เรารับรู้ได้ ดังนั้นในการแก้ปัญหาในลักษณะนี้จึงจะต้องอาศัยผู้ที่มีประสบการณ์หรือช่างผู้ชำนาญ จึงจะสามารถวิเคราะห์ตรวบสอบ และทำการซ่อมแซมแก้ปัญหาได้ 4. ตรวจสอบอาการเสียที่เราสามารถระบุอุปกรณ์ได้เลย ปัญหาแบบนี้จะเป็นกับอุปกรณ์ที่เราใช้อยุ่เป็นประจำแต่ถ้าอยุ่ ๆ ไม่สามารถทำงาน หรือทำงานได้ไม่ดี เราก็รู้ได้ทันทีว่าอะไรเสีย อย่างเช่น ไดรว์ซีดีรอมไม่ทำงาน ภาพบนจอสั่นหรือกระพริบ ไดรว์ A ไม่ยอมอ่านแผ่น เป็นต้น จะเห็นว่าเป็นปัญหาที่เกิดจากความผิดปกติของอุปกรณ์ชิ้นนั้น ๆ โดยตรง การตรวจสอบหรือตรวจเช็คจึงทำได้ง่าย ไม่ยุ่งยากเหมือน 3 แบบที่ผ่านมา 5. ตรวจสอบอาการเสียที่เกิดจากการอัพเกรดอุปกรณ์ ไปจนถึงการปรับแต่งเครื่อง สิ่งที่ทำให้เครื่องเกิดปัญหาอีกอย่างก็คือ การเพิ่มเติม ปรับเปลี่ยนหรือปรับแต่งอุปกรณ์บางตัวก็ทำไห้เกิดปัญหาได้อีกเหมือนกัน เช่น อัพเกรดแรมแล้วเครื่องแฮงค์ Overclock ซีพียูจนไหม้ , ปรับ BOIS แล้วเครื่องรวน เป็นต้น จะเห็นว่าในสภาพเครื่องก่อนกระทำใด ๆ ยังทำงานได้ปกติอยุ่ แต่หลังจากที่มีการอัพเกรดหรือปรับแต่งเครื่องแล้วก็มีปัญหาตามมาทันที แล้วคุณจะทำอย่างไร ????? พี่ใหญ่มีคำตอบให้คุณ......................................


ติดตั้งโปรแกรมหรือไดรเวอร์ไปแล้วเข้าวินโดวส์ไม่ได้ ลงโปรแกรม Norton AntiVirus ไปแล้ว พอบูตเครื่องขึ้นมาอีกทีก็เข้าวินโดวส์ไม่ได้แล้ว ปัญหาทำนองนี้พบค่อนข้างบ่อยมาก อาจจะเนื่องมาจากในบ้านเราผู้ใช้คอมพิวเตอร์ ส่วนใหญ่จะใช้โปรแกรมเถื่อนที่มีขายอยู่ทั่วไปตามห้างไอที ทำให้บางครั้งในขั้นตอนการผลิตซีดีไม่ได้มาตรฐานไฟล์บางตัวเลยก๊อปปี้มาไม่ครบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผ่นซีดีโปรแกรมที่เป็นแผ่น รวมหลายสิบโปรแกรมนั้น ค่อนข้างจะมีปัญหาเยอะมาก เมื่อผู้ใช้ซื้อไปติดตั้งจึงมีปัญหาตามมาหรือบางโปรแกรม เช่น Norton AntiVirus ชอบที่จะเข้าไปขอใช้ไฟล์ระบบที่มีนามสกุล DLL เมื่อมีการติดตั้งไม่สมบูรณ์เลยทำให้ ไม่สามารถเข้าวินโดวส์ได้ อีกสาเหตุหนึ่งก็เนื่องมาจากการลงไดรเวอร์นั่นเอง ไดรเวอร์บางตัวก็มักมีปัญหากับระบบปฏิบัติการและชอบเข้าไปยุ่งกับไฟล์ ระบบทำให้วินโดวส์พังก็มีให้เห็นมาแล้ว สำหรับแนวทางในการแก้ปัญหาของ ช่างคอมพิวเตอร์นั้น ให้สอบถามพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้เสียก่อน หากพบว่าได้มีการติดตั้งโปรแกรม หรือไดรเวอร์ลงไปหลังจากนั้นก็ทำให้บูตเข้าวินโดวส์ไม่ได้อีกเลย ให้เราสันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจเกิดจากสาเหตุการลงโปรแกรมและไดรเวอร์ไม่สมบูรณ์จนอาจทำให้ระบบไม่สามารถบูตได้ โดยเราสามารถแก้ปัญหาได้ดังนี้ ให้บูตเครื่องเข้าสู่ Safe Mode เพราะการเข้าสู่ Safe Mode จะเป็นการเข้าสู่วินโดวส์โดยที่ไม่ จำเป็นต้องใช้ไดรเวอร์หรือไฟล์บางตัว จากนั้นให้เราเข้าไปลบโปรแกรมหรือไดรเวอร์ที่ทำให้เกิดปัญหาออกไปจากเครื่องให้หมดเกลี้ยงอย่าให้เหลือซาก จากนั้นจึงบูตเครื่องเข้าสู่วินโดวส์ได้ตามปกติ
เครื่องบูตขึ้นแต่ไม่สามารถเข้าวินโดวส์ได้ กรณีที่เครื่องคอมพิวเตอร์ได้ผ่านขั้นตอนการ POST แล้ว แต่กลับมาค้างที่หน้าจอแสดงโลโก้วินโดวส์ทำให้ไม่สามารถบูตเข้าวินโดวส์ได้เลย บางครั้งก็ยังไม่แสดงโลโก้ของวินโดวส์แต่กลับมีข้อความแจ้งขึ้นมาว่า “Missing Operation System” สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาของช่างคอมพิวเตอร์ก็คือ ให้สอบถามพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้ก่อน ว่าได้มีการลบไฟล์ระบบบางตัวออกไปหรือเปล่า ส่วนใหญ่ปัญหานี้มันเกิดจากไฟล์ระบบ COMMAND.COM เสียหายหรือถูกลบทิ้งไปเนื่องจากว่าไฟล์ COMMAND.COM เป็นไฟล์ที่มีหน้าที่เก็บคำสั่งภายในของระบบดอสเอาไว้ เช่น TYPE, COPY, DIR, DEL นอกจากนี้ก็ยังทำหน้าที่ ติดต่อและแปลคำสั่งของผู้ใช้ผ่านคีย์บอร์ด และนำคำสั่งนั้นไปปฏิบัติงาน ซึ่งนับว่าไฟล์ COMMAND.COM นั้นมีความสำคัญต่อระบบปฏิบัติการที่ยังต้องอิงกับระบบดอสอยู่มาก วิธีแก้ไขก็คือ ให้บูตเครื่องด้วยแผ่น Startup Disk จากนั้นพิมพ์คำสั่ง SYS C: ซึ่งเป็นคำสั่ง ก๊อปปี้ไฟล์ระบบลงไปในไดรฟ์ C: โดยที่ไฟล์ระบบนั้นจะมีไฟล์ COMMAND.COM รวมอยู่ด้วย จากนั้นให้บูตเครื่องขึ้นมาอีกครั้งคราวนี้จะพบว่าสามารถบูตเข้าวินโดวส์ได้แล้ว
ข้อความผิดพลาดที่ 1 : This program has performed anillegal operation and will be shut down. If the problem persists, contact the program vendor ข้อความนี้แจ้งว่าโปรแกรมบางตัวมีปัญหาเราคงต้องมานั่งไล่กันว่าโปรแกรมที่ติดตั้งครั้งหลังสุดคือโปรแกรมอะไร แล้วลองลบออกไปโดยการ Add / Remove Program ใน Control Panel หลังจากนั้น จึงติดตั้งใหม่ โดยแนะนำว่าเปลี่ยนแผ่นโปรแกรมที่ใช้ติดตั้งเสียใหม่ เพราะหากใช้แผ่นเก่าอาจเป็นเหมือนเดิมอีก หรือบางครั้งเกิดจากไฟล์โปรแกรมที่ติดตั้งครั้งหลังสุดมีปัญหากับไฟล์โปรแกรมที่ติดตั้งมาก่อนหน้านี้ เมื่อติดตั้งใหม่จึงอาจมีอาการเหมือนเดิมควรแก้ไขโดยการอัพเดทเป็นโปรแกรมเวอร์ชั่นใหม่
ข้อความผิดพลาดที่ 2 : Improper shut down detected, Checking disk for errore ข้อความนี้แจ้งว่าพบปัญหาผิดพลาดในขั้นตอนการชัตดาวน์ อาจเกิดจากการผู้ใช้ปิดเครื่องไม่ถูกวิธี ทำให้ระบบชัตดาวน์มีปัญหา วิธีแก้ไขคือให้รอสักพักแล้วค่อยกดปุ่ม Esc ระบบก็จะกลับเป็นปกติ ดังนั้นหาก ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก คราวหลังก็ควรปิดคอมพิวเตอร์ให้ถูกวิธีด้วยการชัตดาวน์เครื่องก่อนเสมอ
ข้อความผิดพลาดที่ 3 : Warning Windows has detected a Registry / configuration error. Choose Safe mode to start Windows with minimal set of drivers ข้อความนี้แจ้งว่าพบปัญหาผิดพลาดในรีจิสทรีของวินโดวส์ โดยวินโดวส์จะแนะนำให้เราเข้าไปใน Safe mode เพื่อแก้ปัญหา สำหรับการแก้ปัญหาข้อความนี้ค่อนข้างเป็นเรื่องหนักหนาและเสี่ยงมากทีเดียว เนื่องจากว่ารีจิสทรีเป็นฐานข้อมูลสำคัญที่เก็บรายละเอียดและค่าต่าง ๆ ของวินโดวส์ไว้ หากมีปัญหาในส่วนนี้ ต้องอาศัยการแก้ไขอย่างรอบคอบ ไม่อย่างนั้นอาจทำให้ระบบพังได้ แนะนำว่าให้แก้ปัญหาโดยการติดตั้งวินโดวส์ใหม่ทับลงไปเพื่อให้รีจิสทรีใหม่ทับรีจิสทรีเก่า หรือให้บูตเครื่องด้วยแผ่นบูตแล้วพิมพ์คำสั่ง Scanreg / restore เพื่อเป็นการย้อนกลับไปใช้รีจิสทรีที่วินโดวส์ได้แบ็คอัพเก็บไว้ 5 วันหลังสุด ก็ให้เราเลือกวันที่คิดว่ายังไม่เกิดปัญหา เพียงเท่านี้ก็จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้ครบ ( วิธีหลังนี้อย่าลืมแบ็คอัพข้อมูลสำคัญๆ ไว้เสียก่อนละ )
ข้อความผิดพพลาดที่ 4 : Explorer has caused an error in Kermel132.dll ข้อความนี้แจ้งว่าระบบมีความผิดพลาดในไฟล์ Kernel132.dll ทำให้ผู้ใช้อาจไม่สามารถเข้าไปใน Control panel ได้ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นบนวินโดวส์ Me วิธีแก้ปัญหาคือให้บูตเครื่องใหม่แล้วเข้าไปที่ Safe Mode แล้วทำตามขั้นตอนดังนี้ 1. ให้ค้นหาไฟล์ที่มีนามสกุล *.cpl โดยเข้าไปค้นหาที่โปรแกรม Search, For Files Or Folders 2. เมื่อพบไฟล์ .cpl แล้ว ซึ่งอยู่ที่ WINDOWS\SYSTEM ให้เปลี่ยนนามสกุลเป็น .Old ทีละไฟล์ แล้วลองเข้าไปทดสอบดูว่าเข้า Control panel ได้หรือยังถ้า ยังไม่ได้ให้กลับไปเปลี่ยนเป็นไฟล์ตัวอื่น จนกว่าจะสำเร็จ เมื่อสำเร็จแล้วเราก็จะสามารถรู้ได้ว่าไฟล์ตัวไหนที่เป็นต้นเหตุให้เกิดปัญหา3. ให้กลับไปเปลี่ยนนามสกุลไฟล์ทุกไฟล์ให้กลับเป็นเหมือนเดิม ยกเว้นไฟล์ที่เป็นต้นเหตุ จากนั้นบูตเครื่องขึ้นใหม่
ข้อความผิดพลาดที่ 5 : The selected disk drive is not in use. Check to make sure a disk is inserted. ข้อความนี้แจ้งว่าดิสก์ไดรฟ์ไม่สามารถใช้งานได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้มีการใส่แผ่นดิสก์ลงไปในช่องดิสก์ไดรฟ์แล้ว สำหรับปัญหานี้อาจเกิดจากผู้ใช้ลืมใส่แผ่นดิสก์ลงไปในช่องดิสก์ไดรฟ์ แต่หากได้มี การใส่แผ่นลงไปแล้วปัญหานี้อาจเกิดจากแผ่นดิสก์เสียหรือดิสก์ไดรฟ์มีปัญหา ไม่สามารถใช้งานได้ให้เราทดสอบแผ่นดิสก์โดยนำไปใช้กับเครื่องอื่นหากสามารถใช้ได้ นั่นแสดงว่าเป็นที่ดิสก์ไดรฟ์ต้องถอดมาซ่อมหรือเปลี่ยนเป็นตัวใหม่ก็จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้
ข้อความผิดพลาดที่ 6 : There is not enough free memory to run this program. Quit one or more programs, and try again. ข้อความนี้แจ้งว่าหน่วยความจำที่เหลืออยู่ในระบบไม่เพียงพอในการเปิดโปรแกรม ให้แกจากโปรแกรมแล้วลองเปิดใหม่อีกครั้ง สำหรับสาเหตุของปัญหานั่นคือหน่วยความจำหรือแรมของเครื่องไม่พอนั่นเอง วิธีแก้ปัญหาแบบถาวร ( แต่ต้องเสียเงิน ) ก็คือ ให้ผู้ใช้ซื้อแรมมาติดตั้งเพิ่ม หรือวิธีแก้แบบชั่วคราวก็คือ ในขณะใช้งานแนะนำให้ผู้ใช้ปิดโปรแกรมที่ไม่จำเป็นลงไปบ้าง โดยเฉพาะโปรแกรมที่ทำงานอยู่เบื้องหลังโดยที่เราไม่ได้เปิดขึ้นมาใช้งาน ให้สังเกตจากบริเวณ System Tray จะมีไอคอนของโปรแกรมนั้นๆ อยู่ ให้จัดการปิดให้หมดหรือโปรแกรมประเภทที่ชอบกินแรม ( Resource Leak ) ซึ่งโปรแกรมพวกนี้แม้ว่าจะปิดโปรแกรมไปแล้วก็ยังไม่ยอมคืนหน่วยความจำกัลบมาสู่ระบบ ซึ่งเราสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ว่าระบบของเราเหลือ รีซอร์สเท่าไหร่โดยคลิกขวาที่ My Computer จากนั้นคลิกแท็ป Performance ดูที่ System Resource ว่าเหลือรีซอร์สกี่เปอร์เซ็นต์ หากต่ำกว่าครึ่งก็ให้ปิดโปรแกรมแล้วบูตเครื่องขึ้นมาใหม่โปรแกรมเหล่านั้นก็จะคืนแรมกลับมาเหมือนเดิม
ข้อความผิดพลาดที่ 7 : Error Reading CD-ROM in Drive D: ( หรือไดรฟ์ที่เป็นซีดีรอม ) Please insert CD-ROM XX With Serial Number XX in Drive d: … if the CD-ROM is still the drive, it may require cleaning ข้อความผิดพลาดนี้จะแจ้งขึ้นมาว่าเกิดความผิดพลาดจากการอ่านแผ่นซีดีในไดรฟ์ D: ( หรือไดรฟ์ที่เป็นซีดีรอม ) ซึ่งสาเหตุมาจากที่ผู้ใช้กดปุ่ม Eject เพื่อนำแผ่นซีดีรอมออกมาก่อนที่วินโดวส์ จะอ่านข้อมูลเสร็จ วิธีแก้ไขก็คือ ให้นำแผ่นใส่กลับไปเหมือนเดิมรอจนกว่าวินโดวส์จะอ่านข้อมูลจากแผ่นเสร็จแล้วจึงค่อยนำออกมา โดยให้สังเกตจากหลอดไฟที่ตัวไดรฟ์ซีดีรอม ควรรอให้ไฟหยุดกระพริบเสียก่อน บางครั้งสาเหตุนี้ก็อาจเกิดจากการที่ผู้ใช้นำแผ่นซีดีที่ใช้งานไม่ได้แล้วใส่ลงไป หรือไม่ก็แผ่นซีดีสกปรกจนไดรฟ์ซีดี ไม่สามารถอ่านข้อมูลได้ ควรนำออกมาทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อนใส่กลับไปอีกครั้งหนึ่ง
ข้อความผิดพลาดที่ 8 : -0x0000007B INACCESSIBLE_BOOT_DEVICE ข้อความผิดพลาดนี้แจ้งเป็นโค้ด error โดยใช้เลขฐานเป็นตัวแสดงความผิดพลาด ซึ่งหมายความว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่พบพาร์ทิชั่นที่กำหนด ให้เป็นตัวบูตระบบพาร์ทิชั่นที่กำหนดหรือบูตเซ็กเตอร์เกิดมีปัญหา ให้เราแก้ปัญหาโดยลองบูตระบบขึ้นมาอีกครั้ง หากยังคงไม่ได้ให้นำแผ่น Startup บูตระบบขึ้นมาแทนแล้วใช้คำสั่ง Scandisk เพื่อซ่อมแซม
ข้อความผิดพลาดที่9 : Data Error Reading Drive C: หรือบางครั้งอาจแจ้งว่า Error Reading Drive C: และ Serious Disk Error Writing Drive C: ข้อความผิดพลาดนี้แจ้งว่าข้อมูลในฮาร์ดดิสก์หรือไดรฟ์ C: เกิดความเสียหาย หรือไม่ก็แจ้งว่าไม่สามารถเขียนข้อมูลลงในฮาร์ดดิสก์หรือไดรฟ์ C: ได้เลย ปัญหานี้นับว่าเป็นอันตรายต่อข้อมูลและตัวฮาร์ดดิสก์เองมากที่สุด เพราะเป็นไปได้ว่าฮาร์ดดิสก์ของเราอาจเสียหายได้ วิธีแก้ไขที่ดีที่สุดคือใช้คำสั่ง Scandisk เพื่อทำการตรวจสอบและซ่อมแซมในส่วนที่เสียหาย ( Automatically Fix Error ) โดยให้เลือกออปชั่นทุกตัวที่สามารถแก้ไขได้ หากโชคดีฮาร์ดดิสก์ไม่เสียหายมากนักโปรแกรมก็อาจซ่อมแซมได้ แต่ถ้าไม่สามารถ แก้ไขได้คงต้องใช้วิธีสุดท้ายนั่นคือ ฟอร์แมตฮาร์ดดิสก์ และทำการ Fdisk เพื่อแบ่งพาร์ทิชั่น กันส่วนที่เสียหายหรือเกิดแบดเซ็กเตอร์นั้นทิ้งไป ก็จะสามารถใช้งานต่อไปได้สักระยะหนึ่ง แต่หากต้องการแก้ปัญหาถาวรควร รีบจัดการเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์โดยเร็ว เพราะเป็นไปได้ว่าแบดเซ็กเตอร์อาจลุกลามไปทำลายข้อมูลสำคัญในฮาร์ดดิสก์ได้ ซึ่งไม่คุ้มกันเลย
ข้อความผิดพลาดที่ 10 : -0x0000007F UNEXPECED_KERNEL_MODE_TRAP ข้อความผิดพลาดนี้จะแจ้งเป็นโค้ด error โดยใช้เลขฐานเป็นตัวแสดงความผิดพลาด ซึ่งมีความหมายว่าอาจเกิดปัญหาการทำงานของหน่วยความจำผิดพลาด ให้ตรวจสอบการติดตั้งว่าเสียบแรมลงบนซ็อกเก็ตแรมแน่นดีแล้วหรือไม่และหน่วยความจำที่ใช้เป็นชนิดเดียวกันหรือไม่ ในเมนบอร์ดบางรุ่นจะมีทั้งซ็อกเก็ตแรมที่ ใช้กับ SDRAM และ DDR SDRAM หากผู้ใช้ติดตั้งแรมทั้ง 2 ชนิดในเมนบอร์ดตัวเดียวกันอาจทำให้เกิดปัญหานี้ได้ วิธีแก้ไข ให้ใช้แรมชนิดเดียวกันไม่ควรติดตั้งแรม 2 ชนิดบนเมนบอร์ดตัวเดียวกัน อีกสาเหตุหนึ่งอาจมาจากการกำหนดค่าในไบออสไม่ถูกต้อง ให้กลับไปกำหนดเป็นค่าเดิม หรือเป็นไปได้ว่าแรมเสียซึ่งมี ทางเดียวคือต้องเปลี่ยนแรมใหม่
ข้อความผิดพลาดที่ 11 : - Not enough memory to render page ข้อความผิดพลาดนี้แจ้งว่าหน่วยความจำในการจัดการหน้าเอกสารที่สั่งพิมพ์ไม่เพียงพอ ซึ่งปัญหานี้เกิดจากการที่ผู้ใช้สั่งพิมพ์งานมากเกินไปทำให้หน่วยความจำของเครื่องพิมพ์นั้นมีไม่เพียงพอ บางครั้งอาจทำให้ระบบเกิดการแฮ็งค์หรือหยุดทำงานไปเฉยๆ ทางแก้ไขปัญหาต้องสั่งพิมพ์ใหม่โดยการแบ่งงานไปพิมพ์ทีละน้อยๆ และอีกสาเหตุหนึ่งอาจมาจากไดรเวอร์ทำงานผิดพลาดอาจต้องไป ดาวน์โหลดไดรเวอร์เวอร์ชั่นใหม่ตามเว็บไซต์ของผู้ผลิตเครื่องพิมพ์นั้น
ข้อความผิดพลาดที่ 12 : Afilename cannot contain any of the following characters: \ / : * ? < > ! ข้อความผิดพลาดนี้แจ้งว่า การตั้งชื่อหรือการเปลี่ยนชื่อไฟล์ไม่สามารถตามด้วยอักขระเหล่านี้ได \ / : * ? < > ! แต่บางครั้งแม้จะมีข้อความเตือนแล้ว แต่ก็ยังยอมให้ผู้ใช้สามารถตั้งชื่อแล้วตามด้วยอักขระเหล่านี้ด้วยเช่นกัน แต่อาจทำให้ระบบมีปัญหาภายหลังตามมา แนะนำว่าให้ควรไปเปลี่ยนชื่อไฟล์เสียใหม่หรือไม่ต้องตั้งชื่อไฟล์ด้วยอักขระเหล่านี้
ข้อความผิดพลาดที่ 13 : ERROR LOADING CS หรือ NO ROM BASIC SYSTEM HALTED ข้อความผิดพลาดนี้แจ้งว่า มีการผิดพลาดในขั้นตอนของการบูตระบบ หรือมีการผิดพลาดจาก การทำงานของหน่วยความจำพื้นฐาน ซึ่งหมายความว่าไบออสไม่สามารถบูตเครื่องขึ้นมาได้เนื่องจากไม่มีไฟล์ระบบ ซึ่งอาจเป็นเพราะการกำหนดค่าในไบออสไม่ถูกต้อง หรือในโปรแกรม FDISK กำหนดไดร์ฟเพื่อให้เป็นตัวบูต (Active) ผิด ทำให้ไม่สามารถบูตเครื่องขึ้นมาได้
เครื่องหมายคำถามสีเหลืองตรง device manager คือผมอยากทราบว่าตรง device manager ในส่วนของ System นั้นมีเครื่องหมายคำถามสีเหลืองปรากฎอยู่ แสดงว่าอุปกรณ์ชิ้นนั้นเป็นอะไรครับ หลายคนคงสงสัยว่าในส่วน device manager นั้นมีไว้ทำอะไร ในส่วนของ device manager ก็มีไว้เพื่อแสดงรายละเอียดของอุปกรณ์ของเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราว่ามีอุปกรณ์อะไรบ้าง และยังเป็นส่วนที่ใช้ในการลงไดรเวอร์ของอุปกรณ์ต่าง ๆ รวม ไปถึงเป็นส่วนที่ใช้ในการแก้ปัญหาการขัดแย้งของอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในเครื่อง ส่วนที่ถามว่ามีเครื่องหมายคำถามสีเหลืองปรากฎอยู่ที่หน้าอุปกรณ์ แสดงว่าอุปกรณ์ชิ้นนั้นยังไม่ได้ลงไดรเวอร์ ก็ให้ทำการลงไดรเวอร์ให้กับอุปกรณ์ชิ้นนั้นเสียก่อน เมื่อทำการลง ไดรเวอร์อุปกรณ์เสร็จแล้วเจ้าไอคอนรูปสีเหลืองก็จะหายไปเอง นอกจากนั้นคุณอาจพบกับเครื่องหมายตกใจสีเหลืองด้วย นั่นแสดงว่าอุปกรณ์ชิ้นนั้นเคยมีการติดตั้ง ไดรเวอร์ลงไปแล้ว จะเป็นการเตือนว่าคุณได้ใช้ไดรเวอร์ที่ไม่ตรง กับอุปกรณ์ที่มีอยู่ให้รีบทำการหาไดรเวอร์ของอุปกรณ์ชิ้นนั้นมาทำการติดตั้งเสีย เพราะว่าถ้าไม่ทำการแก้ไขก็จะไม่สามารถใช้งานความสามารถของอุปกรณ์ชิ้นนั้นได้
คอมพิวเตอร์ไม่ทำงานเมื่อคุณสั่งชัตดาวน์ ทำไมคอมพิวเตอร์ของผมจึงหยุดการตอบสนองเอาดื้อ ๆ ทุกครั้งที่ผมทำการปิดระบบวินโดวส์ 98 จะมีวิธีการแก้ไขอย่างไร ปัญหานี้มีพบเห็นได้บ่อยครั้งจากผู้ใช้หลาย ๆ คน ซึ่งส่วนใหญ่มักตีความเป็นว่าวินโดวส์เสีย สุดท้ายก็ทำการลบวินโดวส์แล้วลงใหม่ แต่ความจริงแล้วสาเหตุที่ทำให้เครื่องหยุดการตอบสนอง เมื่อใช้คำสั่งชัตดาวน์นั้นมากจากหลายสาเหตุ ซึ่งสามารถตรวจสอบว่าเกิดจากสาเหตุอะไรได้ดังนี้ ตรวจสอบว่าแฟ้มเสียง Exit Windows เสียหายหรือไม่ ถ้าหากว่ามีการตั้งเสียงให้กับวินโดวส์ในส่วนของ Sounds แล้วไฟล์เสียงในส่วนของการออกจากวินโดวส์ (Exit Windows) นั้นเสีย ก็จะทำให้มีปัญหาในการชัตดาวน์ขึ้นมาทันที ซึ่งขั้นตอนการตรวจสอบและทางแก้ไขปัญหาก็มีดังนี้ 1. คลิกปุ่ม Start แล้วเลือกไปที่ Settings>Control Panel จากนั้นดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอน Sounds and … ที่แท็บ Sound ในส่วนของ Sound Events ให้คลิกที่ตัวเลือก Exit Windows จากนั้นกำหนดค่าในส่วนของ Name ให้เป็น (None) แล้วคลิกปุ่ม OK เพื่อทำการบันทึกค่าแล้วทำการทดสอบปิดระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งถ้าหากว่าวินโดวส์ 98 ปิดระบบได้อย่างถูกต้อง ปัญหา เกิดจากแฟ้มเสียหาย ให้เลือกหนึ่งในปฏิบัติการต่อไปนี้เพื่อแก้ไขปัญหา - ทำการก็อปปี้แฟ้มเสียงจากเครื่องอื่นมาใส่ - ติดตั้งโปรแกรมที่มีแฟ้มเสียงนั้นใหม่อีกครั้ง - กำหนดค่าให้เป็น (None) เพื่อไม่ให้มีการเล่นแฟ้มเสียง Exit Windows ต่อไป ตรวจสอบความสามารถการปิดระบบอย่างรวดเร็ว (Fast shutdown) การปิดระบบอย่างรวดเร็วเป็นคุณลักษณะใหม่ที่รวมอยู่ในวินโดวส์ 98 เพื่อช่วยลดเวลาที่ใช้ในการปิดระบบคอมพิวเตอร์ อย่างไรก็ตามคุณลักษณะนี้เข้ากันไม่ได้กับอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์บางอย่าง และสามารถทำให้คอมพิวเตอร์ของคุณหยุดการตอบสนองถ้ามีการติดตั้งอุปกรณ์เหล่านี้ ซึ่งหากว่าเครื่องของคุณเกิดปัญหาก็ให้ลองปิดคุณสมบัติดูดังนี้ 1. คลิกปุ่ม Start จากนั้นเลือกไปที่คำสั่ง Run แล้วพิมพ์คำว่า Msconfig ในส่วนของ Open จากนั้นคลิกปุ่ม OK ในส่วนของแท็บ General ให้คลิกปุ่ม Advanced คลิกเครื่องหมายถูกหน้าตัวเลือก Disable fast shutdown จากนั้นคลิกปุ่ม OK เพื่อทำการบันทึกค่า แล้วคลิกปุ่ม Ok อีกครั้ง รอสักครู่วินโดวส์จะแสดงข้อความให้บู๊ตเครื่องใหม่ ก็ให้คลิกปุ่มเพื่อทำการบู๊ตเครื่องใหม่ได้ทันที เมื่อเข้าสู่วินโดวส์อีกครั้ง ก็ให้ลองปิดระบบคอมพิวเตอร์ถ้าคอมพิวเตอร์ปิดระบบอย่างถูกต้อง คุณลักษณะการปิดระบบอย่างรวดเร็วอาจเข้ากันไม่ได้กับอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์อย่างน้อยหนึ่ง อย่างที่ติดตั้งอยู่ในคอมพิวเตอร์ของคุณ คราวนี้ก็ไม่จำเป็นต้องทำตามขั้นตอนใด ๆ เพิ่มเติมแล้ว
ซัตดาวน์แล้วปรากฎข้อความ “Window protect error” ทำไมเวลาที่ทำการชัตดาวน์เครื่องคอม จะขึ้นข้อความว่า “Windows protection error system hault” แล้วก็จะให้รีสตาร์เครื่องใหม่ทุกที ไม่ทราบว่าจะแก้ไขอย่างไรดี ปัญหานี้มักจะเกิดจาการไดรเวอร์ของอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ประเภทการ์ดจอ และเมนบอร์ดเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งการแก้ไขทั่ว ๆ ไปก็ให้เข้าไปดาวน์โหลด ไดรเวอร์ตัวใหม่จากเว็บไซต์ของผู้ผลิต มาแทนไดรเวอร์ตัวเก่า ส่วนคนที่ใช้การ์ดจอของ Nvidia และใช้ไดรเวอร์ Deternator 3 (6.xx) ก็จะเกิดปัญหานี้ด้วย เพราะว่า Detemator 3 (6.xx) จะไม่ทำการเคลียร์แรมเมื่อเลิกใช้งาน พอทำการชัตดาวน์วินโดวส์มันจะจัดการกับแรมที่ค้างไม่ได้ จึงขึ้นข้อความว่า “Protection Error” ทางแก้ไขนั้นทำการดาวโหลดไดรเวอร์การ์ดจอของ Nvidia เวอร์ชั่น 7.xx มาใช้งาน ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ Nvidia แต่ไดรเวอร์ตัวนี้ก็ยังมีปัญหาในการเล่น Mode 3D วิธีแก้ก็ให้คุณทำการรีสตาร์ทใหม่ 1 ครั้ง แล้วค่อยชัตดาวน์ครับ
บูตเข้าวินโดวส์ไม่ได้เพราะรีจิสทรีพัง มีสาเหตุหลายอย่างที่ทำให้ไม่สามารถบูตเข้าวินโดวส์ได้แต่มีอย ู่สาเหตุหนึ่งที่ค่อนข้างร้ายแรงและแก้ไขได้ยากคือสาเหตุที่เกิดจากรีจิสทรีพัง รีจิสทรีคืออะไรสำคัญขนาดไหนช่างคอมพิวเตอร์มือใหม่ควรต้องรู้จักและเรียนรู่ไว้ เพราะรีจิสทรีมีความสำคัญต่อระบบปฏิบัติการวินโดวส์มาก แต่ส่วนใหญ่ผู้ใช้มักไม่ค่อยได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับมัน จึงอาจไม่ทราบว่ารีจิสทรีมีความสำคัญมากทีเดียว โดยรีจิสทรีของวินโดวส์จะทำหน้าที่เป็นฐาน ข้อมูลสำหรับวินโดวส์ที่ใช้ในการจัดเก็บข้อมูลสำหรับโปรแกรมขนาด 32 บิต รวมถึงข้อมูลที่เกี่ยวกับฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ การกำหนดค่าต่างๆ และการทำงานของผู้ใช้ ดังนั้นหากรีจิสทรีเกิดไม่สามารถทำงานได้หรือล่ม ขึ้นมา จะทำให้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ทั้งระบบไม่สามารถใช้งานได้ด้วยเช่นกัน นี่เองจึงเป็นสาเหตุให้ผู้สร้างไวรัสทั้งหลาย เขียนไวรัสขึ้นมาโดยมีเป้าหมายในการโจมตีรีจิสทรี โดยตรง นอกจากสาเหตุไวรัสเข้าทำลายรีจิสทรีแล้ว การติดตั้งโปรแกรมต่างๆที่มีปัญหากับรีจิสทรี หรือไฟล์ รีจิสทรีถูกลบทิ้งไปก็ทำให้เกิดปัญหากับรีจิสทรีและระบบวินโดวส์ได้ มีผู้ใช้หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าฮาร์ดดิสก์พัง เนื่องจากไม่สามารถบูตเข้าวินโดวส์ได้แต่ความจริงแล้วหลายสาเหตุมักเกิดมาจากเจ้ารีจิสทรีนั่นเอง
เผลอใช้คำสั่ง Empty Recycle Bin ทำอย่างไรจะกู้ไฟล์คืนมาได้ พอดีผมเผลอไปลบไฟล์ภายในเครื่องเข้า แล้วลืมไปใช้คำสั่ง ๆ Empty Recycle Bin ทำให้ไฟล์ใน ถังขยะหายไปหมด จะมีวิธีใดบ้างที่ผมจะสามารถกู้ไฟล์นั้นคืนมา เพราะเคยทราบว่ามีวีธีการทำได้แม้ลบจาก Recycle Bin แล้วก็ตาม บ้างครั้งเราอาจลืมลบไฟล์สำคัญ ๆ ไป แต่ด้วยความที่คิดว่ามันยังอยู่ในถึงขยะจึงยังไม่ทำการกู้ข้อมูลคืนมา เวลาผ่านไปเนิ่นนามดันลืมก็เลยไปเผลอใช้คำสั่ง Empty Recycle Bin คราวนี้หลาย ๆ คนไมเกรนคงถามหาเป็นแน่ ฉะนั้นหากว่าจะลบไฟล์อะไรอย่าลืมคิดสักนิด ดูให้ดีก่อนว่าจะยังคงใช้ไฟล์นั้นหรือไม่ เมื่อตรวจสอบเรียบร้อยแล้วจึงลบไฟล์นั้นทิ้งไป จากปัญหาในข้อนี้ทางแก้ไขของปัญหานั้น ก็ให้ลองหาโปรแกรมที่ชื่อ Lost and Found หรือ recover4all มาใช้ดู (หาได้จากเว็บไซต์; Download.com) แต่จะกู้ได้ 100% หรือเปล่านั้นผมไม่รับรองนะครับ แต่ผลการทดลองใช้งานดูก็พบว่ามันสามารถทำการกู้ข้อมูลกลับมาได้พอสมควร แต่กระนั้นโปรแกรมนี้จะใช้ได้ผลก็ต่อเมื่อไฟล์นั้น ๆ เพิ่งถูกลบทิ้งไป แต่ถ้าลบทิ้งไป นานแล้วอาจจะไม่ได้คืนมาทั้งหมดหรืออาจไม่สามารถกู้ข้อมูลได้เลย ฉะนั้นหากเกิดปัญหาลักษณะนี้ต้องรีบกู้ข้อมูลโดยเร็ว โดยขึ้นตอนในการกู้จะใช้เวลานานพอสมควรฉะนั้นอย่าใจร้อน…….รอหน่อย

อาการเสียของคอมพิวเตอร์ ตอนที่2


ลบรายชื่อไฟล์ในส่วน Document ได้อย่างไร ผู้ใช้หลายคนคิดว่าไฟล์ที่อยู่ในรายการ Document ที่ส่วนของเมนู Start นั้น ลบไม่ได้ แต่แท้ที่จริงแล้วเราสามารถลบรายชื่อเหล่านั้นออกไปจากรายการ Document ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งขึ้นตอนการลบไฟล์ในรายการดังนี้ คลิกปุ่ม Start แล้วเลือกไปที่ Settings>Taskbar and Start Menuคลิกที่แท็บ Advanced (ถ้าเป็นวินโดวส์ 98 ก็คลิกที่แท็บ Start Menu Program) คลิกปุ่ม Clear เพียงเท่านั้นไฟล์ที่อยู่ในรายการ Document ก็จะถูกลบทั้งหมด คราวนี้ไปทำอะไรไว้ก็ไม่ต้องกลัวคนอื่นจะมาเห็นแล้ว
ขั้นตอนการลบไฟล์ขยะโดยอัตโนมัติ คือผมใช้วินโดวส์ 98 อยู่ตอนนี้ ผมต้องการทราบว่าทำอย่างไรจึงจะสามารถลบไฟล์ชั่วคราวที่สิงสถิตอยู่ในไดเร็คทอรี C:\Windows\Temp ได้โดยอัตโนมัติ เพราะมีความรู้สึกว่ามันกินเนื้อที่ฮาร์ดดิสก์อย่างมาก จะมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง วิธีการที่ดีที่สุดคือ การเพิ่มบรรทัด del C:\Windows\Temp\*.tmp>nul ลงไปในไฟล์ Autoexec.bat เพื่อให้ดอสลบไฟล์ชั่วคราวเหล่านี้ทุกครั้งที่เปิดเครื่อง โดยมีขั้นตอนดังนี้ ดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอน My Computer ดับเบิ้ลคลิกที่ไดรว์ C: คลิกขวาที่ไฟล์ Autoexec. Bat แล้วเลือก คำสั่ง Edit พิมพ์คำว่า del C:\Windows\Temp\*.tmp>nul เพิ่มลงไปในบรรทัดใหม่คลิกเมนูคำสั่ง File>Save เพื่อทำการบันทึกค่า เพียงเท่านั้นเวลาบู๊ตเครื่องเข้าสู่วินโดวส์ไฟล์ขยะก็จะถูกลบออกไปทุกครั้งแบบอัตโนมัติ
ลบไฟล์หมดแล้ว แต่ยังปรากฎรายชื่อโปรแกรมในไดอะล็อก Add/Remove Programs ปัญหาหนึ่งที่อาจพบได้ภายหลังกระบวนการ uninstall นั่นคือ รายชื่อโปรแกรมที่เพิ่งลบทิ้งไปยังคงปรากฎอยู่ในไดอะล็อก Add/Remove Programs ทางแก้ก็คือการเข้าไปลบคีย์ในรีจีสทรีโดยเรียกโปรแกรม Registry Editor ขึ้นมาโดยการคลิกปุ่ม Start แล้วเลือกคำสั่ง Run..จากนั้นพิมพ์คำว่า regedit ลงไปในช่อง open จากนั้นคลิกปุ่ม OK หน้าต่าง Registry Editor ก็จะปรากฎขึ้นมาทันที จากนั้นเปิดคีย์HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows\CurrentVersion\ Uninstall แล้วทำการลบซับคีย์ของโปรแกรมที่มีปัญหาทั้งไป เพียงเท่านี้รายชื่อโปรแกรมที่ค้างอยู่ก็จะถูกลบออกไป
ช่วยด้วย…..โฟลเดอร์และโปรแกรมหายไปไหนหมด ทำไมโฟล์เดอร์และโปรแกรมต่าง ๆ ของวินโดวส์ 98 หายไปจากหน้าต่างของวินโดวส์ครับ เกิดจากอะไรวินโดวส์ของผมพังหรือเปล่า จะทำอย่างไรให้โฟลเดอร์และโปรแกรมต่าง ๆ ปรากฎขึ้นมาอีกครั้ง ผู้ใช้มือใหม่หลาย ๆ ท่านหากเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นมาต้องใจเย็น ๆ ครับ แล้วค่อย ๆ ไล่หาสาเหตุของปัญหานั้นทีละขั้นตอน โดยปัญหาลักษณะนี้อาจเกิดจากการปรับแต่งให้วินโดวส์ทำการซ่อน ไอคอนบนเดสก์ทอปทั้งหมด ซึ่งขั้นตอนการแก้ไขก็ให้คุณทำตามดังนี้ คลิกปุ่ม Start จากนั้นเลือกไปที่ Settings>Folder Options เลือกไปที่แท็บ View ดูในส่วนของ Visual Settings ว่ามีการเลือกที่ตัวเลือก Hide icons when desktop… หรือเปล่าหากว่ามีการเลือกที่ตัวเลือกนี้อยู่ก็ให้คลิกเครื่องหมายถูกหน้าตัวเลือกนี้ออก คลิกปุ่ม OK เพียงเท่านี้ ไอคอนและโฟลเดอร์ต่าง ๆ ก็จะปรากฎเหมือนเดิมแล้ว แต่ถ้าหากว่ายังไม่หาย ก็ให้ลองทำการติดตั้งวินโดวส์ทับลงไปใหม่ ปัญหาที่เกิดขึ้นก็น่าจะหายไปครับ
ทำไมอยู่ ๆ ไฟล์ในเครื่องเพิ่มมากขึ้น ผมสงสัยว่าเมื่อผมใช้คอมพิวเตอร์ไปนาน ๆ ทำไมจึงมีไฟล์เกิดขึ้นมากมาย และไฟล์ไหนบ้างที่ผมสามารถลบได้ ช่วยบอกด้วย หลังจากที่ใช้คอมพิวเตอร์ไปช่วงหนึ่ง วินโดวส์จะมีการสร้างไฟล์ขึ้นมาเองเช่น ไฟล์.tmp หรือว่าถ้าทำการลงโปรแกรมบางโปรแกรม โปรแกรมเหล่านั้นก็อาจสร้างไฟล์ขึ้นมาให้เอง เช่น ไฟล์ .bak เป็นต้น ฉะนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมจึงมีไฟล์เกิดขึ้นมาเองมากมาย โดยไฟล์ที่สามารถลบได้โดยไม่มีผลกระทบตามมา ก็ได้แก่ไฟล์ที่มีนามสกุลต่อไปนี้ .tmp, .BAK, .$$$, .chk, .PCC, ไฟล์ Autoexec และ Config ยกเว้นไฟล์ Autoexec.bat และ Config.sys ห้ามลบเด็ดขาด เพราะเป็นไฟล์ที่มีส่วนช่วยในการบู๊ตระบบวินโดวส์ ซึ่งหากไม่มีไฟล์ทั้ง 2 นี้ก็จะพบปัญหาตามมาทันที เช่น บู๊ตเครื่องไม่ขึ้น เป็นต้น ฉะนั้นต้องระมัดระวังหน่อย
ใช้ปุ่ม (~) เปลี่ยนตัวอักษรในโปรแกรมออฟฟิศไม่ได้ ผมได้ลงโปรแกรมวินโดวส์ ME ทับวินโดวส์ 98 แล้วปรากฎว่าเวลาเปลี่ยนตัวอักษรจากไทยเป็นอังกฤษหรืออังกฤษเป็นไทยในโปรแกรมออฟฟิศ ซึ่งเมื่อก่อนใช้ปุ่มบนซ้าย (~) ได้แต่ปัจจุบันใช้ปุ่มนี้เปลี่ยนตัวอักษรไม่ได้แล้ว ต้องใช้ ซึ่งไม่สะดวกมาก ๆ ลองเข้าไปแก้ที่ Control Panel ในหมวด Keyboard แล้วก็ยังไม่ดีขึ้น หรือลงโปรแกรม Office 97 ใหม่ ก็ยังใช้ไม่ได้เหมือนเดิม ขอให้ช่วยแนะนำวิธีแก้ไขด้วยครับ เช่นนี้ทั้งหมดเลยไม่ว่าจะเป็นโปรแกรม Word หรือ Excel ที่เป็นอย่างนี้เพราะวินโดวส์ ME มีการกำหนดค่าแป้นพิมพ์ลัดไม่เหมือนอย่างที่เราคุ้ยเคย ซึ่งขั้นตอนการแก้ไขนั้นก็ให้เข้าไปแก้ไขค่าใน Control Panel โดยสามารถทำได้ดังนี้ เข้าไปที่ Control Panel โดยการคลิกปุ่ม Start แล้วเลือกไปที่ Settings>Control Panel ดับเบิ้ลคลิกที่ตัวเลือก Keyboard คลิกที่แท็บ Language คลิกเครื่องหมายถูกหน้าตัวเลือกด้านล่างทั้ง 2 ตัว คลิกปุ่ม OK เพียงเท่านี้ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้แล้ว
ปัญหาในการ Defragment ทำไมเวลาที่ผมทำการ Scandisk ในวินโดวส์ 98 จึงใช้เวลานานมาก และเมื่อทำการ Defragment ข้อมูลในฮาร์ดดิสก์เมื่อถึง 11 % แล้วปรากฎว่าโปรแกรมมันจะกลับมาเริ่มต้นใหม่ทุกครั้ง คำถามนี้มักพบมากเป็นพิเศษซึ่งอาการ Run Program Scandisk แล้วขึ้นคำประมาณว่า Scandisk has restarted 10 time because windows or another program has been writing to this drive. Quitting some running programs may enable Scandisk to finish sooner. หรือเมื่อทำการ Defrag ได้ไม่กี่ % ก็จะกลับมาตั้งต้นที่ 0% ใหม่ ปัญหานี้เกิดจากการที่คุณยังไม่ได้ทำการปิดโปรแกรมที่ยังทำงานอยู่ในขณะนั้น หรือโปรแกรมที่ฝังตัวอยู่ในหน่วยความจำบางโปรแกรม ที่มีการตรวจเช็คสถานะบางอย่างบ่อย ๆ เช่น โปรแกรม ICQ Netdetect Agent เป็นต้น จึงทำให้ฮาร์ดดิสก์ของเราทำงานโยกย้ายข้อมูลอยู่ตลอดเวลาที่ Scandisk หรือทำการ Defrag ซึ่งการแก้ไขสามารถทำได้ดังนี้ ทำการปิดโปรแกรมที่ใช้งานใน TaskBar ให้หมดก่อน เช่น Scheduled Task, V Shield, RemoveIT เป็นต้น โดยมีขั้นตอนดังนี้ 1. เข้าไปที่ System Configuration Utility โดยการคลิกปุ่ม Start แล้วเลือกไปที่ Programs>Accessories>System tools>System Information เลือกเมนูคำสั่ง Tools>System Configuration Utility ที่แท็บ General ให้คลิกเครื่องหมายถูกหน้าตัวเลือก Diagnostics startup… ในส่วนของ Starup selection แล้วคลิกปุ่ม OK ก็สามารถทำการปิดโปรแกรมที่ใช้งานในTaskBas ได้แล้ว หยุดการใช้งานโปรแกรมที่ทำงานตลอดเวลาหยุดการใช้งานโปรแกรมที่ทำงานตลอดเวลา เช่น โปรแกรม WinAMP, WinAMP Agent, Screensaver หรือพวกโปรแกรม Power Management ใน Control Panel โดยให้ทำการตั้งค่าให้เป็น Never ให้หมด ทำการปิดส่วน Active Desktop ด้วย โดยเฉพาะผู้ที่รันไฟล์ Gif ที่มีการขยับไปมาได้ ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหา โดยมีขั้นตอนดังนี้ 1. คลิกขวาบนพื้นที่ว่างในส่วนของ Desktop แล้วเลือกไปที่ Properties คลิกไปที่แท็บ Web คลิกเครื่องหมายถูหน้าตัวเลือก View my Active…ออก จากนั้นคลิกปุ่ม OK เพียงเท่านี้ก็สามารถปิดส่วน Active Desktop ได้แล้ว เมื่อทำขั้นตอนต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว ก็ให้เริ่มต้นทำการ ScanDisk ก่อนเพื่อตรวจหาว่ามีส่วนใดของ HDD เสียหรือผิดปกติ หลังจากทำการ ScanDisk เสร็จจึงค่อยทำการ Defrag เพื่อจัดข้อมูลให้เป็นระเบียบในการเรียกใช้ครั้งต่อไป อีกวิธีในการแก้ไขปัญหา ก็เพียงทำการ Defrag และ ScanDisk ใน SefeMode เท่านั้นเอง ซึ่งขั้นตอนในการเข้าสู่ส่วน SafeMode สามารถทำได้ดังนี้ 1. โดยตอนเปิดเครื่องก่อนเริ่มขึ้น Logo หน้าจอ Starting Windows ให้กดปุ่ม บนคีย์บอร์ดรัว ๆ 2. จากนั้นเลือกตัวเลือกข้อ 3 โดยการกดปุ่ม <3> บนคีย์บอร์ด เพื่อเข้าสู่ SafeMode แล้วทำการ Defrag หรือ Scandisk ตามปกติ
ไอคอนลำโพงหายไปไหน...??? ช่วยด้วยครับ ลำโพงตรงทาส์กบาร์ด้านล่างขวาสุดหายไป ทำยังไงจึงจะให้มีรูปลำโพงปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้ผมไม่สามารถปรับสียงได้เลย วานช่วยหาวิธีการแก้ไขให้ทีครับ หลายคนเมื่อเจอปัญหานี้ก็มักตกอกตกใจ คิดว่าวินโดวน์เจ็งอีกแล้ว จริง ๆ แล้วปัญหาลักษณะนี้เกิดขึ้นมาได้ 2 กรณีคือ - ไดรเวอร์การ์ดเสียงหายไป - กำหนดให้ไอคอนลำโพงไม่แสดงขึ้นมา โดยในกรณีแรกนั้นอาจเกิดจากไดรเวอร์การ์ดเสียงหายไป ทางแก้ไขก็ให้ทำการติดตั้งไดรเวอร์การ์ดเสียงลงทับไปใหม่ ซึ้งมีขั้นตอนดังนี้ 1. คลิกขวาที่ไอคอน My computer แล้วเลือกคำสั้ง properties2. คลิกไปที่แท็ป Device Manager3. คลิกปุ่ม Refresh เพื่อให้วินโดวส์ทำการค้นหาอุปกรณ์ที่ยังไม่ได้ติดตั้งไดรเวอร์4. รอสักครู่ก็จะปรากฏหน้าต่าง Add New Hardware wizard ขึ้นมา ซึ่งจะมีตัวเลือก 2 ตัวเลือก คือ Automatic search . . . ให้วินโดวส์ทำการค้นหาไดรเวอร์ให้อัตโนมัติ ซึ่งหากว่ามีไดรเวอร์อยู่ในเครื่อง หรือมีแผ่นไดรเวอร์อยู่ในซีดีรอม วินโดวน์ก็จะนำมาติดตั้งให้ทันที Specify the location ทำการติดตั้งไดรเวอร์ด้วยตัวเอง ในที่นี้ขอเลือกตัวเลือก Specify the location… 5. คลิกปุ่ม Next เพื่อทำขั้นตอนต่อไป 6. เลือกไปที่ตัวเลือก Search for the best… เพื่อให้วินโดวส์ค้นหาไดรเวอร์จากไดรว์ซีดีรอมหรือไดรว์ A 7. คลิกเครื่องหมายถูกหน้าตัวเลือก Removable Media ... เพื่อทำการติดตั้งไดรเวอร์จากแผ่นไดรเวอร์ ซึ่งคุณต้องใส่แผ่นไดรเวอร์ลงไปในซีดีรอมด้วย 8. คลิกปุ่ม Next 9. รอสักครู่วินโดวส์ก็จะทำการค้นหาไดรเวอร์ เมื่อค้นหาพบแล้วก็ให้คลิกปุ่ม Next เพื่อทำขั้นตอนต่อไป 10. คลิกปุ่ม Finish แล้วรอสักครู่ วินโดวส์ก็จะทำการติดตั้งไดรเวอร์ให้ทันทีจากนั้นก็ให้บูตเครื่องใหม่ เมื่อเข้าสู่วินโดวส์อีกครั้ง ก็จะพบกับไอคอนลำโพงปรากฏอยู่บนทาส์กบาร์แล้ว แต่ถ้าหากว่าปัญหาเกิดจากไอคอนลำโพงได้ถูกกำหนดให้ไม่แสดงขึ้นมา วิธีแก้ไขก็ต้องเข้าไป กำหนดให้วินโดวส์แสดงไอคอนลำโพงขึ้นมา ซึ่งมีวิธีการทำดังนี้ 1. คลิกปุ่ม Start จากนั้นคลิกเลือกตัวเลือก Settings>Control Panel 2. ดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอน Sounds and Multimedia 3. เลือกที่แท็ป Sounds 4. ในส่วนล่างของแท็บ Sounds ให้คลิกเลือกที่ตัวเลือก Show Volume… 5. คลิกปุ่ม OK เพียงเท่านี้ลำโพงก็จะปรากฏอยู่บนทาส์กบาร์แล้ว
6 รหัสอันตรายที่ทำให้เครื่องคุณไม่มีเสียง ข้อผิดพลาด “ MMSystem263. This is not a registered MCI device - ข้อผิดพลาด “MIDI output error detected.” - ข้อผิดพลาด “WAV sound playback error detected” - ข้อผิดพลาด “No wave device that can play files in the current format is installed.” - ข้อผิดพลาด “ You audio hardware connot play files like the current file.” - ข้อผิดพลาด “MMSYSTEM296. The file cannot be played on the specified MCI device.” หากว่าใช้งานคอมพิวเตอร์อยู่ดี ๆ ปรากฏว่าอยู่ ๆ ก็มีข้อความเหล่านี้ขึ้นมาก็ให้ทำใจได้เลยว่า ตอนนี้กำลังมีปัญหาเกี่ยวกับเสี่ยงวินโดวส์โดยอุปกรณ์ 1 ใน 2 อย่างนี้เป็นตัวก่อปัญหาขึ้นมา Wave Audio device, CD Audio device ซึ่งแนวทางการแก้ไขปัญหานั้นก็มีดังนี้ ตรวจสอบว่าการ์ดเสียงของคุณเปิดใช้งานหรือยัง 1. คลิกขวาที่ไอคอน My Computer แล้วเลือกคำสั่ง Properties 2. คลิกไปที่แท็ป Device Manager 3. คลิกเครื่องหมาย (+) ที่ตัวเลือก Sound, Video and Game Controllers 4. ดับเบิ้ลคลิกที่การ์ดเสียง5. แล้วตรวจสอบว่าที่ตัวเลือก Disable in this hardware profile มีเครื่องหมายถูกอยู่หรือเปล่า ถ้ามีเครื่องหมายถูกหน้าตัว Disable in this hard ware profile อยู่ก็ให้คลิกเครื่องหมายถูกหน้าตัวเลือกนี้ออก6. คลิกปุ่ม OK 2 ครั้ง แล้ววินโดวส์จะถามว่าต้องการที่บูตเครื่องใหม่หรือไม่ ก็ให้ทำการบูตเครื่องใหม่ เมื่อบูตเครื่องขึ้นมาก็ลองตรวจดูว่ามีเสียงออกมาหรือยัง

Error Code คืออะไร ???ในคอมของท่าน ตอน3



Error Code 0x00000079
เมื่อเฟิร์มแวร์ของACPI ถูกแก้ไขค่าภายใน ผลที่ตามมาคือรหัสความผิดพลาดที่แสดงอยู่นี้ และอีกสาเหตุหนึ่งก็คือ มีการก๊อบปี้ไฟล์ระบบผิดพลาดระหว่างขั้นตอนการ Repair วินโดวส์ด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นการสลับกันระหว่างไฟล์ Ntoskrnl.exe กับ Ntkrnlmp.exe โดยไฟล์อันแรกจะใช้ในระบบที่เป็นโพรเซสเซอร์เดี่ยว และไฟล์หลังใช้กับระบบที่เป็นมัลติโพรเซสเซอร์ วิธีแก้ไขอาจใช้การก๊อบปี้ไฟล์ที่ถูกต้องจากแผ่นซีดีติดตั้งวางลงไปในโฟลเดอร์ของวินโดวส์ได้เช่นกัน
Error Code 0x0000007A
บ่อยครั้งที่ปัญหานี้มักเกิดขึ้นจากพารามิเตอร์ I/O Status code ซึ่งบ่งบอกถึงการทำงานร่วมกันระหว่างดิสก์และคอนโทรลเลอร์ไม่คอมแพตทิเบิลกัน รวมทั้งเฟิร์มแวร์ และไดรเวอร์ของอุปกรณ์ด้วย การแก้ปัญหานั้นคุณสามารถติดตั้งไดรเวอร์ คอนโทรลเลอร์ที่ไม่ใช่ของวินโดวส์ได้เช่นกัน ให้บูตด้วยแผ่นซีดีติดตั้ง เมื่อถึงหน้าจอพรอมพ์ ให้กดปุ่ม F6 เพื่อเป็นการเลือกไดรเวอร์ คอนโทรลเลอร์ของฮาร์ดดิสก์ ( ATA/SCSI) ที่ต้องการได้เอง
Error Code 0x0000002E
สาเหตุของความผิดพลาดนี้มาจาก “Data bus error” นั่นเอง ซึ่งหน่วยความจำหลักไม่สามารถแมปแอดเดรสของ L2 แคช วิดีโอเมมโมรี รวมทั้งหน่วยความจำของบอร์ดเข้าด้วยกันได้ (ความผิดพลาดของหน่วยความจำ) ทำให้เมื่อมีอุปกรณ์ต้องการอ้างถึงแอดเดรสเหล่านี้จึงไม่สามารถทำได้ วิธีแก้ให้ใช้โปรแกรมประเภท Diagnostic ตรวจสอบหน่วยความจำ เมื่อพบตัวที่เสียให้เปลี่ยนออกไปและแทนที่ด้วยของใหม่
Error Code 0x00000077
เป็นความผิดพลาดที่ระบบไม่สามารถอ่านข้อมูลจาก Virtual memory มาไว้ที่หน่วยความจำหน่วยความจำหลักได้ ซึ่งอาจเกิดจากฮาร์ดดิสก์มี Bad sector หรือมีไวรัสฝังตัวอยู่ สำหรับวิธีแก้นั้น ให้รันโปรแกรมตรวจจับไวรัสที่ตำแหน่ง boot sector ด้วย และหากฮาร์ดดิสก์ของคุณฟอร์แมตด้วยระบบไฟล์แบบ NTFS ให้รัน chkdsk /r/k ที่ดอส Command เพื่อตรวจสอบความผิดพลาดด้วย
Error Code 0x0000003F
ในระหว่างที่มีการจัดการกับไฟล์ขนาดใหญ่ แต่ระบบกลับพบว่ามีพื้นที่ไม่ต่อเนื่องจำนวนมากกระจัดกระจายอยู่บนดิสก์ ทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้นมา วิธีแก้ เปิดโปรแกรม regedit จากหน้าต่าง Run เข้าไปที่ HKEY_LOCAK_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Control\Session Manager\Memory Management ดับเบิลคลิ้กที่ PagePoolSize และใส่ค่าเป็น ‘0’ ดับเบิลคลิ้กที่ SystemPages ให้ใส่ค่า 40000 ลงไปสำหรับระบบที่มีแรม 128MB และค่า 110000สำหรับระบบที่มีแรมอยู่ระหว่าง 128-256MB
Error Code 0x00000024
ข้อผิดพลาดนี้เกิดขึ้นเพราะไฟล์ Ntfs.sys ได้รับความเสียหาย ทำให้ระบบอนุญาตให้ดิสก์ที่ฟอร์แมตด้วย FAT16 และ FAT32 สามารถอ่านและเขียนข้อมูลลงไปในดิสก์ที่ฟอร์แมตด้วย NTFS ได้ วิธีแก้ให้เปิดหน้าต่าง Command ขึ้นมาและพิมพ์ตำสั่ง chkdsk drive:/f แนะนำให้สแกนดิสก์โดยเลือก Scan for and attempt recovery of bad sector หลังจากที่ใช้คำสั่งนี้ด้วย
Error Code 0x800A138F
หากหน้าจอแสดงความผิดพลาดด้วยรหัสแบบนี้ขึ้นมา เมื่อกำลังใช้งานโปรแกรม Netop อยู่นั้น ให้ลองเข้าไปเปิดไฟล์ Update.log ก็จะพบว่ารหัสที่แสดงขึ้นมาเป็น 00x80070057 แทน แต่อย่างไรก็ตาม มันคือความผิดพลาดอย่างเดียวกัน ส่วนวิธีแก้นั้นมีเพียงอย่างเดียวที่ทำได้คือ เข้าไปดาวน์โหลดไฟล์แก้ไขของโปรแกรม Netop ได้จากเว็บไซต์ http://www.netop.com/tech/download/fix/fixwinup.exe
Error Code 0x80070422
วินโดวส์ใช้บริการผ่าน Background Intelligent Transfer Service (BITS) ในการรับส่งข้อมูลผ่านแบนด์วิดธ์ของเน็ตเวิร์กที่ไม่ได้ใช้งาน ซึ่งรหัสความผิดพลาดนี้ก็มาจาก BITS ถูกยกเลิกการทำงานและเกิดขัดข้อง ให้เข้าไปเปลี่ยนค่า Start ของ BITS ที่อยู่ใน Properties ให้เป็น Manual แทนค่าเดิม แต่ก่อนหน้านั้นคุณต้องเปิดโปรแกรม services.msc จากหน้าต่าง Run เสียก่อน
Error Code 0x80248011
ปัญหานี้มาจากอินเทอร์เน็ตแคชเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งอาจมีข้อมูลไม่สมบูรณ์ถูกฝังไว้และยังคงทำงานอยู่ รวมทั้งมีไวรัสต่างๆ ติดอยู่กับไฟล์แคชเหล่านี้ด้วย ให้คุณลบไฟล์ Temp Internet, Cookies, Clear History และรวมทั้งDelete all offline content ด้วยเพื่อลบสิ่งแปลกปลอมรวมทั้งข้อมูลที่ผิดพลาดออกไปให้หมด
Error Code 0x80240030
เป็นข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นเพราะความพยายามของคุณในการอัพเดตวินโดวส์ผ่าน VPN ซึ่งระบบ Automatic update ของวินโดวส์ รวมทั้งเว็บไซต์ที่ให้บริการไม่สนับสนุนฟังก์ชัน VPN นี้ ซึ่งทำงานของ Auto proxy เองไม่ได้จับเอาไฟล์ wpad.dat มาใช้กำหนด URL ที่เป็นเป้าหมายด้วยเช่นกัน ดังนั้น ไม่ต้องอัพเดตผ่าน Proxy และพยายาม เชื่อมต่อกับเว็บไซต์อัพเดตในขณะที่เครื่องไม่มีการทำงานผ่าน VPN
Error Code 800c0008
Windows media player มีปัญหาขัดข้อง ทำให้ไม่สามารถพรีวิวไฟล์ .wmv ผ่านHotmail ได้ จึงรายงานความผิดพลาดขึ้นมา แนะนำให้คุณใช้วิธีการ Save Target As ของไฟล์ .wmv เอาไว้ในฮาร์ดดิสก์ก่อน เพราะบางครั้งเซิร์ฟเวอร์ของ Hotmail อาจมีปัญหาจึงไม่สามารถพรีวิวไฟล์เหล่านี้ได้

Error Code คืออะไร ???ในคอมของท่าน ตอน2



Error Code C00D1199
เป็นรายงานความผิดพลาดจากโปรแกรม Windows media player ซึ่งแสดงว่ามีปัญหาเกิดขึ้นกับไฟล์ออดิโอหรือไฟล์มีเดียโดยไฟล์มีเดียดังกล่าวอาจไม่ได้รับการสนับสนุนจากโปรแกรมรวมทั้งตัว Codec ที่ใช้คลายสัญญาณบีบอัดของ Windows Media Player ก็อาจไม่รองรับกับอัลกอริทึมที่ใช้ในการบีบอัดไฟล์เหล่านั้นได้ ทางแก้ที่ง่ายทีสุดคือ ติดตั้ง plug in เพิ่มลงไป หรืออัพเกรดเป็นเวอร์ชันล่าสุดก็ได้เช่นกัน
Error Code 0x0000007B
ปัญหานี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าคุณไม่ย้ายฮาร์ดดิสก์ที่ติดตั้งวินโดวส์ไปใช้กับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ เพราะเมื่อเปิดเครื่องปุ๊บ สักพักก็จะปรากฏรหัสความผิดพลาดแบบนี้ขึ้นมา สาเหตุที่เราไม่สามารถถอดฮาร์ดดิสก์ที่ติดตั้งวินโดวส์จากเครื่องหนึ่ง ไปใช้กับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ได้ ก็เพราะเป็นข้อกำหนดของวินโดวส์ เอ็กซ์พี ที่จะไม่ตรวจสอบอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ใหม่ทั้งระบบ วินโดวส์ต้องการไดรเวอร์ของเมนบอร์ด ชิปเซต และข้อมูลโพรไฟล์สำคัญของอุปกรณ์ pug & play ที่แต่ละเครื่องจะแตกต่างกันไปตามผู้ผลิตอุปกรณ์เหล่านั้น ถ้าคุณต้องการใช้วินโดวส์จริงๆ ก็ควรเตรียมฮาร์ดแวร์ให้เหมือนของเดิมทุกประการ เท่านี้ก็ใช้ได้แล้วครับ
Error Code 0x0000009F
ถ้าคุณพบรายงานแจ้งเกี่ยวกับ “ driver Power State Failure” นั่นก็หมายความว่า ส่วนจัดการเปลี่ยนโหมดการใช้พลังงานของพีซีและโน้ตบุ๊กได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะมักเกิดขึ้นกับไดรเวอร์ของอุปกรณ์ที่ไม่ผ่านการรับรองจากไมโครซอฟท์ วิธีตรวจสอบให้ใช้คำสั่ง sigverif จาก Start->Run เพื่อเปิดยูทิลิตี้ File Signature Verification ขึ้นมาตรวจสอบไดรเวอร์ของอุปกรณ์ หลังจากนั้นให้อัพเดตโปรแกรมตรวจจับไวรัสและสั่งสแกนเพื่อค้นหาไฟล์ไดรเวอร์แปลกปลอมที่อาจถูกสร้างขึ้นมาจากไวรัสได้
Error Code 0x000000A0
เมื่อคุณสั่งวินโดวส์ เอ็กซ์พีเข้าสู่โหมดจำศีล (hibernate) เพื่อประหยัดพลังงาน แต่ปรากกว่ามีหน้าจอบลูสกรีนแสดงขึ้นมาพร้อมรหัสแสดงความผิดพลาด นั่นก็หมายความว่า ไดรเวอร์ของ Atapi ไม่สามารถจัดการกับฮาร์ดดิสก์ที่อยู่ในสภาวะ time-out ได้ในระหว่างขั้นตอน hibernation ปัญหานี้ยังคงเกิดขึ้นกับเครื่องที่ติดตั้งวินโดวส์ เอ็กซ์พี SP1 แต่ถ้าคุณอัพเดตเป็น SP2 แล้วละก็ อาการที่ว่านี้จะได้รับการแก้ไขเรียบร้อย
Error Code 0x00000050
ความผิดพลาดนี้เกิดขึ้นจากมีการอ้างตำแหน่งพื้นที่ของหน่วยความจำที่ผิด ซึ่งเกิดขึ้นจากอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นส่วนที่นอกเหนือจากการใช้งานปกติ ทำให้ระบบแจ้งความผิดพลาดขึ้นมา วิธีแก้ไขที่ง่ายที่สุด ให้ถอดอุปกรณ์ล่าสุดที่คุณเพิ่งติดตั้งลงไปแล้วเกิดปัญหาขึ้นมา จากนั้นเสียบลงไปใหม่และลงไดรเวอร์แล้วสั่งรัน Diagnostic เพื่อตรวจสอบอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์อีกครั้ง หากในรายการอุปกรณ์จาก Device Manager ขึ้นสถานะ Disable แล้วละก็ ให้ติดต่อกับทางผู้ผลิต
Error Code 0x8ddd0018
ความผิดพลาดนี้อาจเกิดขึ้นเพราะ BITS ( Background Intelligent Transfer Service) ถูกยกเลิกการทำงาน ซึ่งจะแสดงขึ้นมาตอนที่โปรแกรมติดตั้ง XP SP2 กำลังรัน แต่ถูกยกเลิกกลางคันด้วย error code ที่ว่านี้ วิธีแก้ไขคือ ให้รัน services.msc หน้าต่าง Run คลิ้กขวาที่รายการ Automatic update แล้วเลือก Properties ที่ช่องของ Startup ให้เลือกเป็น Automatic และกด Apply สังเกตที่ช่อง Status หากเป็น Stopped ให้คลิ้กเลือกเป็น Start ได้จากเมนู Action และทำเช่นเดียวกันนี้กับรายการของ Background Intelligent Transfer Service เพียงแต่ที่ช่อง Startup ให้เลือกเป็น Manual แทน
Error Code 0x8ddd0010
เป็นรหัสแสดงความผิดพลาดของ “windows update error” ในระหว่างที่คุณคลิ้กลิงก์ในเว็บไซต์เพื่อจะอัพเดตไฟล์ ปรากฏว่าวินโดวส์ เอ็กซ์พี ( SP2) แจ้งความผิดพลาดที่เกี่ยวกับ “http error 500”, “Internal server error” และ error code ดังกล่าวขึ้นมา พร้อมทั้ง IE ขึ้นแถบสีเหลืองแสดงอาการบล็อก Pop-up วิธีแก้ไขคือ เปิด IE ขึ้นมา ไปที่เมนู Tools กดที่ตัว Pop-up Blocker และเลือกที่ Pop-up Settings จากนั้นพิมพ์ http://v5.windowsupdate.microsoft.com/ ลงไปในช่องอนุญาตเว็บไซต์ที่จะไม่ถูกบล็อก Pop-up คลิ้ก Add เพื่อเพิ่มรายการลงไป และกดปิดหน้าต่างก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
Error Code 0x800a138f
สำหรับรหัสความผิดพลาดนี้ มาจากการกระทำของไวรัสที่ชื่อ MSBLast ได้เข้าไปแก้ไขข้อมูลบางอย่างในเว็บไซต์อัพเดตหลัก ทำให้บราวเซอร์ IE ของเราใช้การดาวน์โหลดไฟล์ผ่าน SSL (HTTPS) แทนที่จะเป็น Active X จนเกิดความผิดพลาดขึ้นมา วิธีแก้ ให้ลบไฟล์ Temp ของอินเตอร์เน็ต และ Clear History จากหน้าต่าง Internet Options ของ IE
Error Code 0x800a0046
เป็นหนึ่งในความผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับ “Windows update” ส่วนสาเหตุนั้นมีหลายอย่าง แต่ขอยกเรี่องของ ‘User Account’ มาเป็นตัวอย่าง หากยูสเซอร์ ล็อกออนเข้าระบบผ่าน Guest หรือผ่านแอ็กเคานต์ที่จำกัดผู้ใช้งานแล้วสั่งอัพเดตวินโดวส์ก็จะพบกับปัญหาที่ว่านี้ วิธีแก้ control admintools ในหน้าต่าง Run เลือกที่รายการ Computer Management ขยายโฟลเดอร์ Local Users and Groups แล้วเลือกที่ Users จากนั้นเปิดแอ็กเคานต์ที่ใช้เข้าสู่ Windows update ที่แท็บ Member Of ให้ลบรายชื่อแอ็กเคานต์ที่ไม่ได้ใช้ออกไป

Error Code คืออะไร ???ในคอมของท่าน ตอน1



บ่อยครั้งที่การใช้งานคอมพิวเตอร์อาจเกิดความผิดพลาดบางประการขึ้นมาซึ่งแสดงเป็นรหัสความผิดพลาด หรือ Error Code แต่ผู้ใช้อย่างเราๆ กลับไม่ทราบว่ามันหมายถึงอะไร วันนี้เราจึงมีตัวอย่าง 49 Error Code มาฝากกันถ้าคุณใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์อยู่เป็นประจำละก็ ผมเชื่อว่าต้องเคยพบกับรายงานความผิดพลาดอย่าง Error 126, STOP: 0x0000007B (0xF741B84C,0xC0000034,0x00000000,0x00000000) หรือไม่ก็ Error 0x800a0099 ที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ “บลูสกรีน”หรือแม้แต่แสดงผ่านแมสเสจ บ็อกซ์ ของวินโดวส์ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะแจ้งว่าเกิดอะไรขึ้น และแนะนำให้คุณแก้ปัญหาเบื้องต้นนี้อย่างไร แต่ผมเชื่อว่าน้อยคนนักที่จะสนใจและอ่านรายงานความผิดพลาดจนจบ เมื่อเจอกับข้อความ Error เข้า ส่วนใหญ่ก็จะไล่ปิดหน้าต่างหนีไปซะเลย ทำให้ปัญหาเหล่านั้นยังคงค้างคาอยู่ในเครื่อง และรอวันที่จะสร้างความเสียหายให้กับคอมพิวเตอร์ของคุณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะส่วนของโปรแกรมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ภายในเครื่องของคุณอีกด้วย ที่อาจจะเริ่มทำงานผิดปกติ แต่ผู้ใช้กลับไม่รู้ตัว เพราะมีเพียงซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการเท่านั้น ที่จะทราบถึงปัญหาความผิดปกติเล็กน้อยที่เริ่มก่อตัวขึ้น ดังนั้น ถ้าวันใดที่คุณพบ Error Code หรือรายงานความผิดพลาดแจ้งขึ้นมาอีก แนะนำให้ทำความเข้าใจกับมันก่อน คุณอาจจะจดเอาไว้ในกระดาษ แล้วค่อยไปค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ทีหลังError Code ไม่หน้ากลัวอย่างที่คิดการคิดไปล่วงหน้าเองว่า ตัวคุณจะรับมือกับความผิดพลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนคอมพิวเตอร์ และวินโดวส์โดยลำพังไม่ไหวนั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นการยอมแพ้อะไรง่ายๆ ไปซักนิด เพราะถ้าคุณยังไม่ได้ลงมือทำ หรือแก้ปัญหาด้วยตนเองก็จะไม่รู้เลยว่า ทุกปัญหานั้นยังพอมีทางแก้ไข ถึงแม้บางทีจะไม่ได้เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ก็ตามแต่อย่างน้อยมันก็ทำให้คุณรักษาข้อมูลสำคัญเอาไว้ได้เช่นกันเมื่อวินโดวส์หรัสความผิดพลาดอย่าง Error Code หรือ Error Message ต่างๆขึ้นมาอย่าเพิ่งตกใจชัตดาวน์เครื่องแล้วหนีปัญหาไปนะครับ ถ้าเป็นหน้าจอบลูสกรีน แล้วมีตัวหนังสือเยอะๆ หรือตัวเลขฐาน 16 ที่คุณไม่รู้ความหมายนั้น ให้อ่านข้อมูลคร่าวๆ ที่เป็นการแจ้งความผิดพลาดก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นให้จด Error Code หรืออาจจะเป็น Error Message ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอลงในกระดาษ คุณอาจใช้กล้องดิจิตอลถ่ายภาพเอาไว้ เพื่อเก็บรายระเอียดต่างๆ ให้หมด การค้นหาคำตอบหรือความหมายของรหัสความผิดพลาดเหล่านั้นให้เริ่มต้นจาก Help ของวินโดวส์ก่อน ถ้าไม่พบข้อมูลที่ต้องการก็ให้ค้นหาจากเว็บไซต์ที่ให้บริการสืบค้นข้อมูล เว็บไดเรกทอรีต่างๆโดยเฉพาะที่เว็บ http://support.microsoft.com นั้น เป็นแหล่งข้อมูลชั้นดี ที่ควรเข้าไปใช้บริการบ่อยๆ เพราะเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการวินโดวส์โดยตรง แต่บางที การค้นหาเอาตามเว็บบอร์ดไอทีต่างๆ อาจได้คำตอบเร็วกว่าที่คิด เพราะมีคนเข้าออกและผ่านเข้ามาตอบปัญหาให้เป็นจำนวนมาก ซึ่งผมคนหนึ่งละครับ ที่มักจะขอความช่วยเหลือจากที่นี่
Error Code 0x0000000A
สำหรับรหัสความผิดพลาดตัวแรกนี้ โดยปกติแล้วจะเกิดจากไดรเวอร์บางตัวที่เข้าไปใช้ตำแหน่งแอดเดรสของหน่วยความจำไม่ถูกต้อง รวมทั้งการไม่สนับสนุนกันระหว่างอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และตัวซอฟต์แวร์ไดรเวอร์ด้วย หากความผิดพลาดนี้ถูกแจ้งขึ้นมาระหว่างการติดตั้งวินโดวส์นั้น ให้เข้าไปปิดฟีเจอร์ Plug & Play ,All Shadowing, Bios virus protection และ All Caching ในไบออส ถ้าอุปกรณ์บางชิ้นของคุณเก่าเกินไป แนะนำให้เข้าไปที่เว็บ http://www.microsoft.com/hcl เพื่อตรวจสอบรายชื่อของฮาร์ดแวร์ที่ผ่านการรับรองจากไมโครซอฟท์ด้วย แต่ถ้าความผิดพลาดนี้เกิดขึ้นหลังจากใช้งานวินโดวส์ให้คุณปิดโปรแกรม Antivirus แล้วเลือกบูตด้วยแผ่นติดตั้งวินโดวส์ เพื่อซ่อมแซมไฟล์ด้วยตัวเลือก “R” และย่าลืมใช้ฟีเจอร์ Roll back driver ระหว่างขั้นตอนนี้ด้วย
Error Code 0x000000EA
ความผิดพลาดนี้มักเกิดขึ้นตอนที่คุณเล่นเกมหรือ ใช้โปรแกรมดูหนังติดต่อกันเป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะผู้ใช้การ์ดแสดงผลของ nVIDIA และติด ตั้งไดรเวอร์ Nv4.sys ลงไป จะเกิดปัญหานี้ขึ้น สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ ไปที่ Device Manager และดูว่าภายใต้หัวข้อ Display adapters มีรายชื่ออุปกรณ์มากกว่าหนึ่งตัวหรือไม่ถ้ามีให้ลบตัวที่ไม่ได้ใช้ออกไป และให้เข้าไปดาวน์โหลดไดรเวอร์ของชิปดังกล่าวจากเว็บไซต์ nVidia มาติดตั้งใหม่อีกครั้ง
Error Code 0x0000001E
รหัสความผิดพลาดนี้จะขึ้นมาระหว่างการติดตั้งวินโดวส์ หากคุณเผลอไปรีสตาร์ตเครื่องตอนที่โปรแกรมติดตั้งกำลังทำงานอยู่ละก็ อาจเกิดความผิดพลาดนี้ได้ ส่วนใหญ่จะมีปัญหากับเครื่องที่มีฮาร์ดดิสก์ไม่พอเพราะไม่สามารถเขียนไฟล์แบ็กอัพหลังเกิดความผิดพลาดเกินไปได้ วิธีแก้ปัญหาให้ติดตั้งวินโดวส์ลงไปใหม่ในดิสก์ที่มีเนื้อหาที่ว่างพอ อัพเดตไบออสด้วยหากเมนบอร์ดของคุณใช้ไบออสที่มีเวอร์ชั่นเก่าเกินไป
Error Code 0x000000D1
หากคุณกำลังสั่งชัตดาวน์เครื่องขณะที่มีอุปกรณ์ USB เชื่อมต่อหรือกำลังทำงานอยู่ อาจเกิอข้อความแสดงความผิดพลาดแบบนี้ขึ้นมา เพราะ OHCI ( Open Host Control Interface) ที่ควบคุมการโอนถ่ายข้อมูลของอุปกรณ์ USB ทำงานผิดพลาด ซึ่งถ้าเครื่องของคุณติดตั้ง Service Pack 2 ของวินโดวส์ เอ็กซ์พี ให้ข้ามข้อนี้ไปได้เลยแต่สำหรับผู้ที่ยังใช้ Service Pack 1 และต้องการแก้ไขเฉพาะส่วนนี้เท่านั้น ให้ดาวน์โหลดไฟล์อัพเดตของ usbohci.sys ได้จากเว็บไซต์ http://support.microsoft.com/kb/322389/EN-US
Error Code 0x000000ED
ปัญหานี้เกิดขึ้นได้บ่อยกับ IDE ดิสก์ที่มีระบบไฟล์แบบ NTFS แล้วอนุญาตให้ทำดิสก์แคชบนฮาร์ดิสก์ได้ โดยรูทีนที่ใช้ทำ Caching บนดิสก์ เกิดความผิดพลาดในการเขียนข้อมูลที่นอกเหนือลงไปบนพื้นที่สงวนดังกล่าว การแก้ปัญหาเบื้องต้นอาจใช้คำสั่ง chkdsk /rจากหน้าต่าง Recovery console ( บูตจากซีดีแล้วเลือกคำสั่ง “R” เพื่อเปิดหน้าต่าง Recovery) และถ้าหากคุณใช้ Service Pack เวอร์ชันเก่า แนะนำให้อัพเดตเป็นตัวใหม่ทันที
Error code 0xc000026C/ 0xc0000221
เมื่อคุณรีสตาร์ตเครื่องใหม่ และพบข้อความ “ Unable to load device driver” พึงเข้าใจไว้เลยว่ามาจาก Error code ทั้งสองตัวนี้ สาเหตุนั้นมาจากไฟล์ device driver (.sys) ของอุปกรณ์ได้รับความเสียหายหรือไม่พบไฟล์เหล่านี้ วิธีแก้ไขให้บูตเครื่องจากแผ่นแล้วให้ซ่อมแซมไฟล์ (‘R’) พิมพ์ cd windows\system32\drivers ที่หน้าต่าง Recvery และให้แก้ไขชื่อไฟล์ไดรเวอร์ที่ได้รับความเสียหายโดยพิมพ์ ren drivername.sys drivername.bak (drivername คือชื่อไฟล์ไดรเวอร์ที่ได้รับวความเสียหาย) จากนั้นก๊อบปี้ไฟล์ไดรเวอร์จากแผ่นซีดีติดตั้งตั้งลงไปโดยพิมพ์ copy cd-rom:\i386 drivername (cd-rom: คือไดรเวอร์ที่ติดตั้งซีดีรอม)

ใช้ windown xp ไม่แท้(เถื่อน) แต่อยากอัปเดตในเวปของไมโครซอร์ฟ




Windows Genuine Advantage Validation v1.7.708.0ขั้นแรกเลยถ้าใครที่ยังไม่เคยอัพเดทเลยก็เข้าเว็ปอัพ เดทก่อนนะครับhttp://update.microsoft.com/windowsupdate/v6/default.aspx?ln=en-usเพื่อที่จะลงเจ้าตัว WGA มาก่อนพอลงเจ้าตัว WGA แล้วปุ๊บก็ทำการกด Installer.bat ที่ผมให้มาเลยครับแล้วทำการ Restart เครื่อง 1 ที ก็อัพเดทได้ตามปกติแล้วครับแต่ถ้าเคยอัพเดทมาแล้วแค่แยกไฟล์ออกมา แล้วดับเบิ้ลคลิ๊กที่ Installer.bat แล้ว Restart เครื่อง1 ทีแค่นั้นก็ update windows ได้อย่างไม่มีอะไรมากวนใจแล้วครับ และถ้าคนที่เคย Update มาแล้วมี PopUp ของ WGA ที่ขึ้นมาเตือนตัวนี้ก็จะฆ่าทิ้งให้ครับผมขั้นแรกต้องเข้าไปอัพเดท ที่เว็ปกับมันก่อนครับ ให้มัน โหลดเจ้าตัว Windows Genuine Advantage Validation มาก่อนครับ พอโหลดมาแล้ว ตอนจะอัพเดท มันจะไม่ผ่าน ให้ ลง ตัวที่ผมให้ไปแล้วรี เครื่อง 1 ทีครับผมแต่ถ้าลง Windows Genuine Advantage Validation ไปแล้วก็ให้กด Install ซ้ำอีกทีครับ แล้ว รีเครื่องแล้วอัพเดทดูอีกครั้งก็คือถ้าอัพเดทครั้งแรกเลยมันจะโหลดตัว Windows Genuine Advantage Validation แถมมาให้แล้วมันก็จะลงทับตัวที่เรา Crack มาแล้วไปเลยครับ สรุปต้องลงตัว WGA ตัวของ MS ก่อน แล้วค่อย Crack WGA ที่หลังครับ

อีกวิธีนึง
อ้างอิง:
1. พิมพ์ regedit ในช่อง run แล้วเข้าไปที่ HKey_Local_Machine\Software\Microsoft\WindowsNT\Cu rrent Version\WPAEvents, ทางด้านขวา ดับเบิ้ลคลิ๊กที่ oobetimer แล้วลบตัวเลขที่อยู่ในนั้นให้หมด (จะเหลือเลข 0 อยู่สี่ตัว ลบไม่ได้)อันนี้เป็นการล้างค่าที่ไมโครซอฟท์ใช้ตรวจส อบวินโดวส์ขอเราครับ เสร็จแล้วกด OK แล้วปิดไปได้เลย 2. จากนั้นพิมพ์ %systemroot%\system32\oobe\msoobe.exe /a ลงในช่อง run แล้วกด Enter จะปรากฎหน้าต่างของ Activate Windows ขึ้นมา จากนั้นให้เลือกที่ Yes, I want to telephone a customer service representative to activate Windows แล้วคลิ๊กที่ Next 3. จากนั้นคลิ๊กที่ Change Product Key โดยที่ไม่ต้องใส่อะไรทั้งนั้นในหน้านี้ 4. จากนั้นให้ใส่ Product Key นี้เลย Serial Windown ของแท้ๆB3P7V-Q2WTH-CRK4R-YHJRF-39H4Mแล้วคลิ๊กที่ Update เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ให้ปิดหน้าต่างนี้ไปได้เลย โดยคลิ๊กที่ X ที่มุมขวาบน ::5. รีสตาร์ทเครื่องหนึ่งครั้ง แล้งลองพิมพ์ %systemroot%\system32\oobe\msoobe.exe /a แล้วกด Enter จะปรากฎคำว่า Windows is already activated ถ้าขึ้นตามนี้ก็แสดงว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ 6. ทดสอบโดยการตรวจสอบกับทางไมโครซอฟท์ โดยการเปิด Internet Explorer แล้วพิมพ์ http://www.microsoft.com/genuine/downloads/WhyValidate.aspx?displaylang=th แล้วเลือกที่ ตรวจสอบทันที ถ้ามันบอกว่าเป็นของแท้ก็ลุย อัพเดท โหลดและติดตั้งโปรแกรมฟรีของไมโครซอฟท์ ทั้ง Windows Defeder , WMP11 และอื่น ๆ ได้เลย สำหรับ WGA ตัวล่าสุดถ้าต้องการให้เมล์มาที่พี่ใหญ่นะจะส่งไปให้

มือใหม่อยากใช้เว็บแคมจังเลย






มือใหม่อยากใช้เว็บแคม
ถาม: คอมพิวเตอร์เดสก์ทอปของเพื่อนผมติดตั้งเว็บแคมไว้ด้วย ซึ่งผมเองก็อยากมีไว้ใช้บ้างเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยรู้จักอุปกรณ์พวกนี้มากนัก ถ้าผมต้องการซื้อหาไว้ใช้สักตัวหนึ่ง พอจะมีคำแนะนำดีๆ บ้างไหมครับ?ตอบ: ถ้าคุณต้องการใช้เว็บแคม เพื่อติดต่อสื่อสารแบบเห็นหน้าค่าตากับเพื่อนคนอื่นๆ ผมแนะนำให้เลือกซื้อเป็นกล้องเว็บแคมชนิด USB เนื่องจากสามารถเชื่อมต่อกับพอร์ต USB ได้โดยตรง และหากเป็นไปได้ควรเลือกรุ่นที่มีไมโครโฟนมาพร้อมกันด้วยจะสะดวกกว่า (สังเกตสายเคเบิ้ลที่มาพร้อมกันจะมีทั้งยูเอสบีและแจ็คออดิโอ) อย่างไรก็ดี ในกรณีที่คุณต้องการใช้เว็บแคม เพื่อการตรวจตราผ่านออนไลน์ แนะนำให้ลองใช้ IP Camera เนื่องจากกล้องพวกนี้จะมีแอดเดรสบนอินเทอร์เน็ตเป็นของตัวเอง คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกล้องพวกนี้ผ่านคอมพิวเตอร์ แต่จะเชื่อมต่อพวกมันเข้ากับเราท์เตอร์โดยตรง ในส่วนของการใช้งาน คุณก็แค่ป้อนหมายเลข IP ในช่อง Address: ของบราวเซอร์ IE ภาพที่ IP Camera จับได้ก็จะปรากฏในบราวเซอร์ ก่อนเลือกซื้อกล้องพวกนี้มาใช้งาน ตรวจสอบให้ละเอียดด้วย เนื่องจากบางระบบผู้ใช้จะต้องเสียค่าบริการรายเดือนด้วย เพราะฉะนั้นตรวจสอบให้มั่นใจก่อนซื้อมาใช้นะครับ

กล้องเว็บแคมกับโน้ตบุ๊ก
โน้ตบุ๊ก ในโลกของบรอดแบนด์ เว็บแคมดูจะเป็นอุปกรณ์อีกชิ้นหนึ่งที่ได้รับความนิยมไม่น้อย และเริ่มกลายมาเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ของใครหลายคน นอกเหนือจากการใช้ติดต่อสนทนาแล้ว คุณยังสามารถใช้เว็บแคมในการเผยแพร่ภาพบนเว็บ หรือให้สอดส่องดูความปลอดภัยในบ้าน (ประการหลังนี่ เหมาะที่จะใช้กับเดสก์ทอปมากกว่า) ถ้าคุณคิดจะเลือกซื้อเว็บแคมแน่นอนว่าปัจจัยสำคัญที่สุดก็คือ ความละเอียดของวีดีโอที่บันทึกได้ซึ่งยิ่งมาก็ยิ่งดี แต่คุณก็ต้องคำนึงถึงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่คุณใช้ด้วย เช่น ถ้าคุณใช้การเชื่อมต่อแบบ dial-up คงไม่มีประโยชน์ที่คุณจะซื้อเว็บแคมที่มีความละเอียดสูงๆ เพราะยังไงแบนด์วิดธ์ก็ไม่พอ ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกซื้อแบบมีไฟส่องในตัว เพราะภาพที่ได้จากเว็บแคมส่วนใหญ่จะค่อนข้างมืด แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดคุณควรเลือกซื้อโน้ตบุ๊กรุ่นที่มีเว็บแคมติดมาในตัวเลย

การติดตั้ง Webcam
หลังจากชอปปิ้งได้กล้องตัวที่ถูกใจมาแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการติดตั้ง ซึ่งผมเองไม่อยากจะกล่าวถึงในบทความเอาเสียเลย เพราะว่ามันไม่มีอะไรจริง ๆ ครับ เนื่องจากว่าทั้งไดรเวอร์และซอฟต์แวร์รวมถึงระบบปฏิบัติการในปัจจุบันนั้นฉลาดมาก จนผมเองชักจะสงสัยแล้วว่าอีกสีบปีข้างหน้า แค่เราออกจากบ้านไปซื้อกล้องมานี่ โอเอสคงจะรู้แล้วก็สามารถเซตค่าให้เราได้เองตั้งแต่เรายังอยู่ในร้านค้า • วิธีการติดตั้งเว็บแคมโดยปกติขั้นตอนแรกที่สำคัญก็คือหาตำแหน่งที่เหมาะสมบนโต๊ะคอมพิวเตอร์เพื่อวางกล้อง ซึ่งก็คงจะหนีไม่พ้นบนมอนิเตอร์หรือบนตัวเครื่องนั่นแหละครับ เพราะจะให้มุมมองที่กว้างกว่า ถ้าหากวางอยู่บนโต๊ะหน้าคีย์บอร์ด ภาพที่ได้คงจะเห็นแต่พุงอย่างเดียวครับ เสร็จแล้วก็เสียบสายยูเอสบีเข้ากับเครื่องไม่ต้องห่วงนะครับว่าจะเสียบเข้าช่องไหน ถ้ามีพอร์ต ยูเอสบีว่างๆ อยู่หลายช่องก็เสียบเข้าไปสักช่องหนึ่งเลยครับ แล้วก็ใส่แผ่นซีดีรอมเข้าไป เลือกติดตั้งไดรเวอร์ เท่านั้นเป็นอันเสร็จพิธี แต่ต้องใจเย็นๆ นะครับ เพราะว่าหลังจากติดตั้งเสร็จแล้วโปรแกรมมักจะให้รีบูตเครื่อง ก่อนจะตกลงรีบูตให้รอจนกว่าไฟฮาร์ดดิสก์ดับเสียก่อนเพื่อความปลอดภัยครับ อันนี้ไม่ใช่เทคนิคเฉพาะกับกล้องเว็บแคมนะครับ แต่ไม่ว่าเราจะติดตั้งโปรแกรมใด ๆ ก็ตามหากต้องรีบูตเครื่องใหม่ก็ควรจะรอให้ฮาร์ดดิสก์หยุดอ่านเสียก่อนจะดีกว่า หลังจากที่เรารีบูตเครื่องแล้วก็รอให้เครื่องจัดการกับไดรเวอร์ตัวใหม่เสียก่อน ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาสักพักหนึ่ง หลังจากที่เข้าวินโดวส์มาแล้ววินโดวส์จะรายงานว่าเจอฮาร์ดแวร์ใหม่แล้วก็อ่านข้อมูลอยู่สักพักแล้วก็จะหายไปเอง เป็นอันว่าตรงนี้เราพร้อมที่จะใช้กล้องเว็บแคมได้แล้วครับ หากยังไม่รู้จะทำอะไรก็เปิดโปรแกรมถ่ายรูปดูหน้าตัวเองไปพลางๆ เสียก่อนก็ได้ • ปรับแต่งก่อนใช้งานจริง ๆ แล้วเราแทบไม่ต้องปรับแต่งอะไรเลยครับ ไม่ใช่เพราะว่ากล้องตัวนี้ดีมากจนปรับได้อัตโนมัติทั้งหมดครับ แต่เป็นเพราะมันไม่ค่อยมีออปชันให้เราปรับเสียมากกว่า และออปชันแต่ละอย่างก็ไม่จำเป็นต้องปรับอีกด้วยเหมือนกัน แต่ถึงอย่างไรก่อนใช้งานให้เข้าไปที่โปรแกรมของกล้องเสียก่อน จากนั้นปรับค่าความละเอียดให้เหมาะสม เช่น ถ้าใช้งานในบ้าน หรือในเครือข่ายที่มีความเร็วสูงก็ควรตั้งค่าความละเอียดสูงๆ พร้อมเฟรมเรตสูงๆ เช่นกัน แต่ถ้าเครือข่ายไม่เร็วนัก ก็อาจจะต้องปรับความละเอียดลงมาอีกสักหน่อย ซึ่งในกรณีนี้ซอฟต์แวร์สื่อสารสามารถจัดการได้เองเช่นกัน นอกจากการปรับความละเอียดแล้วยังมีค่าต่างๆ เกี่ยวกับแสงให้เราปรับอีกด้วยเช่นความสว่างหรือคอนทราสต์ หรือปรับความเข้มของสี การปรับคุณภาพของภาพเป็นเรื่องสำคัญมากครับ สำคัญกว่าการปรับความละเอียดเสียอีก เพราะว่าถึงเราปรับความละเอียดสูงสุดแล้วแต่ตั้งค่าพร็อพเพอร์ตี้ไม่เหมาะสม ภาพที่ออกมาก็อาจจะไม่ชัดได้เช่นกัน โดยปกติแล้วทุกครั้งที่เราปรับค่าต่างๆ ตัวกล้องจะแสดงภาพที่ได้ออกมาทันที ดังนั้นหากว่าภาพที่ออกมามืดเกินไปก็ สามารถเร่งค่า Brightness ให้มากขึ้น ภาพจะขาวกว่าปกติ แต่ไม่ควรจะเร่งมากเกินไปเพราะว่าจะขาวจนดูไม่ออก ส่วนคอนทราสต์นั้นใช้ปรับโทนสีของภาพให้มีความแตกต่างระหว่างโทนสีขาวและดำมากเพียงใด หากภาพที่ออกมายังไม่ค่อยชัดก็ควรจะเพิ่มค่าคอนทราสต์ของภาพให้สูงสักนิดและค่า Saturation จะช่วยปรับความอิ่มของสีภาพให้ออกมาดูดีกว่าเดิม ซึ่งบางครั้งภาพที่ถ่ายออกมาอาจจะมีสีจืดไปหน่อย แต่เพียงแค่ปรับค่า Saturation ก็ สามารถช่วยแก้ปัญหาได้แล้ว หากจำเป็นต้องใช้ในที่มืด ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะต้องมืดมาก เพียงแค่อยู่ในที่ที่มีแสงไม่พอเท่านั้น ซึ่งกล้องแต่ละตัวมีความสามารถในการรับแสงต่างกัน แต่เหตุผลที่ผมไม่ได้เขียนเอาไว้ในส่วนของการเลือกซื้อนั้นก็เป็นเพราะว่าเราจะไม่ทราบเลยว่ากล้องตัวใดมีความสามารถในการรับแสงได้ดีเพียงใด แต่ถ้าได้ทดลองใช้จะเห็นทันทีว่ากล้องแต่ละตัวมีความไวแสงที่แตกต่างกัน ซึ่งเมื่อเรานำมาใช้ในที่ที่มีแสงน้อยๆ นั้น การปรับค่าทั้งสามที่ผมได้กล่าวไปแล้วยังพอจะช่วยได้บ้างแต่ไม่มากนัก เราอาจจะแก้ไขได้โดยใช้ไฟส่องไปยังจุดที่ต้องการถ่าย เช่น ใช้โคมไฟช่วยฉายแสงไปยังวัตถุอีกดวงหนึ่งให้แสงสว่างขึ้นมาเฉพาะในจุดที่เราต้องการก็พอจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง สุดท้ายที่ลืมไม่ได้ก็คืออย่าลืมปรับโฟกัสภาพให้ได้ภาพที่คมชัดที่สุด ซึ่งกล้องบางรุ่นจะไม่สามารถปรับได้ แต่บางรุ่นจะปรับได้โดยมีวงแหวนอยู่ที่ด้านหน้าเลนส์ โดยค่อยๆ หมุนวงแหวนไปเรื่อยๆ จนถึงจุดที่ชัดที่สุดแล้วปล่อยเท่านี้ก็เสร็จแล้ว แต่มีข้อห้ามอย่างเดียวก็คือห้ามสัมผัสเลนส์กล้องโดยเด็ดขาด เพราะกล้องเว็บแคมจะไม่มีอะไรป้องกันเลนส์เอาไว้ แต่ใช้การปรับแต่งเล็กน้อยเท่านี้ก็ช่วยให้ได้ภาพที่มีคุณภาพดีขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่าเลยทีเดียว

จะซื้อ Webcam สักตัว ต้องดูอะไรบ้าง
ปัจจุบัน มีกล้องเว็บแคมวางขายอยู่หลายรุ่น หลายยี่ห้อ ถ้าคุณผู้อ่านไม่มีหลักในการเลือกซื้อที่ถูกต้องแล้ว ก็อาจจะถึงขั้นมึนตึ๊บ ตัดสินใจไม่ถูกไปเลยก็ได้ ปัจจัยอย่างแรกก็คือราคา เว็บแคมราคาถูกย่อมเรียกความสนใจจากผู้ซื้ออย่างเราได้มากอยู่แล้ว แต่อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจไปครับ เพราะนอกจากราคาแล้ว ยังมีอีกหลายอย่างที่ทำให้เราต้องคิดหนักเหมือนกัน เพราะว่ากล้องเว็บแคมราคาถูกหรือแพงบางรุ่นนั้นอาจจะเหมือนกันเลยก็ได้ เพียงแต่ให้อุปกรณ์มาแตกต่างกัน เช่น กล้องยี่ห้อ A ทำรุ่น X กับรุ่น Y ออกมา แต่ปรากฏว่าหน้าตากล้องต่างกันเล็กน้อย ส่วนราคานั้นต่างกันครึ่ง ๆ ก็ไม่ได้หมายความว่ากล้องราคาแพงกว่าจะดีกว่าเสมอไป เพราะว่าตัวกล้องอาจจะไม่แตกต่างกันเลยก็ได้ แต่ความแตกต่างอยู่ที่อุปกรณ์เสริมที่ให้มาเช่นไมโครโฟน และซอฟต์แวร์ และเจ้าซอฟต์แวร์ที่ให้มานี่เองที่อาจจะเป็นตัวทำให้ราคาอุปกรณ์ทั้งชุดสูงขึ้นก็ได้ มาดูที่ตัวกล้องสิ่งที่ต้องพิจารณาในการเลือกซื้อ คือดูว่าชนิดของเซ็นเซอร์ที่ใช้ในตัวกล้องนั้นเป็นแบบใด โดยมากกล้องเว็บแคมในท้องตลาดจะใช้เซ็นเซอร์แบบเดียวกันหมด คือแบบ “CMOS” ซึ่งให้คุณภาพของภาพที่ไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ในรุ่นใหม่ๆ ที่มีราคาสูง บางรุ่นเริ่มหันไปใช้เซ็นเซอร์แบบ CCD กันแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าเซ็นเซอร์แบบ CCD นั้นให้ความคมชัดมากกว่า และยังไวต่อแสงมากกว่าอีกด้วย (สามารถมองเห็นภาพได้ชัด แม้จะตั้งกล้องเอาไว้ในที่ที่มีแสงสว่างไม่มาก) ลองมาดูเฉพาะเซ็นเซอร์แบบ CMOS กันอย่างเดียวก่อนครับ เซ็นเซอร์นี้มีความสำคัญสูงมาก เพราะว่าเป็นหน่วยรับแสงและนำมาประมวลผลต่อเพื่อสร้างภาพขึ้นมาบนจอภาพ หากหน่วยรับแสงทำงานได้ไม่ดีแล้ว คุณภาพก็คงไม่น่าประทับใจสักเท่าไหร่ ปกติแล้วกล้องมักจะใช้เซ็นเซอร์ CMOS ที่มีความละเอียดอยู่ที่ 640X480 พิกเซล ซึ่งถือเป็นความละเอียดมาตรฐานที่กล้องเว็บแคมควรจะทำได้ แต่ในปัจจุบันก็ยังมีการผลิต กล้องเว็บแคมที่มีฟังก์ชันอื่นเพิ่มเติม ซึ่งกล้องเว็บแคมกลุ่มนี้อาจจะมีความละเอียดสูงถึง 1.3ล้านพิกเซล หรือว่าขนาด 1280X1024 พิกเซลเลยทีเดียว เลนส์ที่ใช้ ก็สำคัญก่อนที่ภาพจะตกกระทบกับฉากรับหรือว่า CMOS เซ็นเซอร์นั้นจะต้องผ่านเลนส์เสียก่อน ตัวเลนส์จะดีหรือไม่นั้น บอกได้เลยครับว่ายูสเซอร์ระดับเรานั้นไม่มีโอกาสดูออก แต่สิ่งที่เห็นความแตกต่างกันได้ชัดก็คือเลนส์ที่ใช้มีขนาดเท่าใด บางตัวอาจจะใช้เลนส์ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1/4 นิ้ว แต่บางตัวใช้เลนส์ขนาดใหญ่ครึ่งนิ้ว แน่นอนว่าเลนส์ที่มีขนาดใหญ่กว่าย่อมได้เปรียบในเรื่องภาพอยู่บ้างเหมือนกัน นอกจากนั้นแล้ว ถ้าหากสามารถปรับโฟกัสได้เองแล้วก็ยังสามารถกำหนดระยะชัดของภาพได้อีกด้วย ซึ่งกล้องเว็บแคมที่ไม่สามารถปรับระยะโฟกัสที่หน้าเลนส์ได้นั้น จะเป็นเลนส์แบบ Focus Free ซึ่งมีการกำหนดระยะโฟกัสเอาไว้แล้ว แต่โอกาสผิดเพี้ยนก็สามารถเกิดขึ้นได้ แม้จะน้อยมากก็ตาม ซึ่งถ้าผิดเพี้ยนแล้วเราก็จะไม่สามารถปรับโฟกัสให้ชัดดังเดิมได้อีก อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญก็คือความไวของตัวกล้องในการจับภาพ ซึ่งถ้าเป็นกล้องรุ่นเก่าๆ บางรุ่นมีความเร็วในการบันทึกภาพหรือเฟรมเรตอยู่ที่ 15 ภาพต่อวินาที (fps) ซึ่งอาจจะยังช้าไป แต่ส่วนใหญ่แล้วกล้องในปัจจุบันมักจะรองรับการทำงานที่ 30 fps กันทั้งหมดแล้ว ซึ่งก็เพียงพอที่จะจับภาพได้อย่างเป็นธรรมชาติ รูปลักษณ์ น่าใช้แค่ไหนนอกจากนั้นแล้ว ปัจจัยอื่นๆที่ทำให้กล้องแต่ละตัวมีความแตกต่างกันก็คือ การออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกให้ดูสวยงามเข้ากับคอมพิวเตอร์ หรือการวางตำแหน่งจุดยึดให้มั่นคงแข็งแรง บางรุ่นอาจจะวางไว้เฉยๆ ซึ่งก็เสี่ยงต่อการตกหล่นได้ง่าย แต่บางรุ่นก็ให้แท่นยึดที่ค่อนข้างมั่นคงแข็งแรงมาก และยังอาจจะมีปุ่มกดที่ออกแบบมาสำหรับการแคปเจอร์รูปได้ทันทีโดยไม่ต้องคลิ้กจากจอภาพทำให้สามารถบันทึกภาพได้สะดวกรวดเร็วตามที่ต้องการเลยทีเดียว แต่ยังไม่หมดเท่านั้น เพราะว่ากล้องเว็บแคมบางรุ่นยังพวกท้ายมาด้วยความสามารถอื่น ๆ เช่นมีชุดสื่อสารไร้สายที่สามารถนำไปติดแยกเอาไว้ไกลจากคอมพิวเตอร์ของเราได้เช่นกัน แต่แน่นอนว่าราคาแพงกว่ากล้องรุ่นปกติไม่น้อยเลยทีเดียว และอาจจะสามารถถอดออกจากแท่นที่วางไปใช้แทนกล้องดิจิตอลได้อีกด้วย ซึ่งความละเอียดที่สามารถนำไปใช้บันทึกภาพได้นั้นมีตั้งแต่ 3 แสนพิกเซล ไปจนถึง 1.3 ล้านพิกเซลเลยทีเดียว แต่สำหรับกล้องรุ่นที่ถอดไปใช้แทนกล้องดิจิตอลได้นั้น จะต้องดูก่อนว่ามีหน่วยความจำมาให้เท่าใด เพื่อคำนวณหาว่าตัวกล้องจะเก็บภาพได้สูงสุดกี่ภาพ หรือถ่ายคลิปวิดีโอได้ยาวนานเพียงใด เพราะกล้องเว็บแคมที่มีความสามารถขนาดนี้มักจะไม่สามารถถอดเปลี่ยนหรือใส่การ์ดหน่วยความจำเพิ่มเข้าไปได้ สุดท้ายก็คือซอฟต์แวร์ซอฟต์แวร์ที่ให้มาด้วยกันครับ อย่างที่ผมบอกไปในตอนต้นแล้วว่าราคากล้องส่วนหนึ่งมาจากซอฟต์แวร์ที่ให้มาด้วยนี่ละครับ ถ้าหากเราใช้เพียงแค่ Netmeeting เพื่อพูดคุยเท่านั้น ก็คงไม่จำเป็นต้องซื้อกล้องที่ให้ซอฟต์แวร์อื่นๆ มาด้วย แต่อย่าลืมว่าซอฟต์แวร์ที่ให้มานั้นบางตัวมีความสามารถสูงเกินราคากล้องเลยทีเดียว แต่เมื่อขายมาพร้อมกับกล้องก็จะมีราคาถูกกว่าที่เราจะไปซื้อแยกต่างหาก เช่น ซอฟต์แวร์ จากค่าย Real ที่แถมมาให้ด้วยกันนั้นหากซื้อแยกบางครั้งอาจจะมีราคาเทียบเท่ากับซื้อกล้องเว็บแคมเลยก็ได้ หรือในส่วนของซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยต่าง ๆ ที่ผมได้กล่าวไปในตอนต้น เช่น Webcam Watchdog, VideoSpy หรือ Watcher นั้นกล้องบางรุ่นอาจจะแถมซอฟต์แวร์ประเภทนี้มาให้ด้วยเลย แม้ว่าจะไม่ใช้ซอฟต์แวร์ที่กล่าวมาก็ตาม แต่ก็สามารถทำงานได้ไม่แตกต่างกันมากนัก ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยพื้นฐานในการเลือกซื้อที่เราควรพิจารณา แต่ผมเชื่ออยู่สิ่งหนึ่งว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้เราตัดสินใจซื้อก็คือปัจจัยในเรื่องราคามากกว่าส่วนอื่นๆ ทั้งหมด