มือใหม่อยากใช้เว็บแคมจังเลย
มือใหม่อยากใช้เว็บแคม
ถาม: คอมพิวเตอร์เดสก์ทอปของเพื่อนผมติดตั้งเว็บแคมไว้ด้วย ซึ่งผมเองก็อยากมีไว้ใช้บ้างเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยรู้จักอุปกรณ์พวกนี้มากนัก ถ้าผมต้องการซื้อหาไว้ใช้สักตัวหนึ่ง พอจะมีคำแนะนำดีๆ บ้างไหมครับ?ตอบ: ถ้าคุณต้องการใช้เว็บแคม เพื่อติดต่อสื่อสารแบบเห็นหน้าค่าตากับเพื่อนคนอื่นๆ ผมแนะนำให้เลือกซื้อเป็นกล้องเว็บแคมชนิด USB เนื่องจากสามารถเชื่อมต่อกับพอร์ต USB ได้โดยตรง และหากเป็นไปได้ควรเลือกรุ่นที่มีไมโครโฟนมาพร้อมกันด้วยจะสะดวกกว่า (สังเกตสายเคเบิ้ลที่มาพร้อมกันจะมีทั้งยูเอสบีและแจ็คออดิโอ) อย่างไรก็ดี ในกรณีที่คุณต้องการใช้เว็บแคม เพื่อการตรวจตราผ่านออนไลน์ แนะนำให้ลองใช้ IP Camera เนื่องจากกล้องพวกนี้จะมีแอดเดรสบนอินเทอร์เน็ตเป็นของตัวเอง คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกล้องพวกนี้ผ่านคอมพิวเตอร์ แต่จะเชื่อมต่อพวกมันเข้ากับเราท์เตอร์โดยตรง ในส่วนของการใช้งาน คุณก็แค่ป้อนหมายเลข IP ในช่อง Address: ของบราวเซอร์ IE ภาพที่ IP Camera จับได้ก็จะปรากฏในบราวเซอร์ ก่อนเลือกซื้อกล้องพวกนี้มาใช้งาน ตรวจสอบให้ละเอียดด้วย เนื่องจากบางระบบผู้ใช้จะต้องเสียค่าบริการรายเดือนด้วย เพราะฉะนั้นตรวจสอบให้มั่นใจก่อนซื้อมาใช้นะครับ
กล้องเว็บแคมกับโน้ตบุ๊ก
โน้ตบุ๊ก ในโลกของบรอดแบนด์ เว็บแคมดูจะเป็นอุปกรณ์อีกชิ้นหนึ่งที่ได้รับความนิยมไม่น้อย และเริ่มกลายมาเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ของใครหลายคน นอกเหนือจากการใช้ติดต่อสนทนาแล้ว คุณยังสามารถใช้เว็บแคมในการเผยแพร่ภาพบนเว็บ หรือให้สอดส่องดูความปลอดภัยในบ้าน (ประการหลังนี่ เหมาะที่จะใช้กับเดสก์ทอปมากกว่า) ถ้าคุณคิดจะเลือกซื้อเว็บแคมแน่นอนว่าปัจจัยสำคัญที่สุดก็คือ ความละเอียดของวีดีโอที่บันทึกได้ซึ่งยิ่งมาก็ยิ่งดี แต่คุณก็ต้องคำนึงถึงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่คุณใช้ด้วย เช่น ถ้าคุณใช้การเชื่อมต่อแบบ dial-up คงไม่มีประโยชน์ที่คุณจะซื้อเว็บแคมที่มีความละเอียดสูงๆ เพราะยังไงแบนด์วิดธ์ก็ไม่พอ ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกซื้อแบบมีไฟส่องในตัว เพราะภาพที่ได้จากเว็บแคมส่วนใหญ่จะค่อนข้างมืด แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดคุณควรเลือกซื้อโน้ตบุ๊กรุ่นที่มีเว็บแคมติดมาในตัวเลย
การติดตั้ง Webcam
หลังจากชอปปิ้งได้กล้องตัวที่ถูกใจมาแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการติดตั้ง ซึ่งผมเองไม่อยากจะกล่าวถึงในบทความเอาเสียเลย เพราะว่ามันไม่มีอะไรจริง ๆ ครับ เนื่องจากว่าทั้งไดรเวอร์และซอฟต์แวร์รวมถึงระบบปฏิบัติการในปัจจุบันนั้นฉลาดมาก จนผมเองชักจะสงสัยแล้วว่าอีกสีบปีข้างหน้า แค่เราออกจากบ้านไปซื้อกล้องมานี่ โอเอสคงจะรู้แล้วก็สามารถเซตค่าให้เราได้เองตั้งแต่เรายังอยู่ในร้านค้า • วิธีการติดตั้งเว็บแคมโดยปกติขั้นตอนแรกที่สำคัญก็คือหาตำแหน่งที่เหมาะสมบนโต๊ะคอมพิวเตอร์เพื่อวางกล้อง ซึ่งก็คงจะหนีไม่พ้นบนมอนิเตอร์หรือบนตัวเครื่องนั่นแหละครับ เพราะจะให้มุมมองที่กว้างกว่า ถ้าหากวางอยู่บนโต๊ะหน้าคีย์บอร์ด ภาพที่ได้คงจะเห็นแต่พุงอย่างเดียวครับ เสร็จแล้วก็เสียบสายยูเอสบีเข้ากับเครื่องไม่ต้องห่วงนะครับว่าจะเสียบเข้าช่องไหน ถ้ามีพอร์ต ยูเอสบีว่างๆ อยู่หลายช่องก็เสียบเข้าไปสักช่องหนึ่งเลยครับ แล้วก็ใส่แผ่นซีดีรอมเข้าไป เลือกติดตั้งไดรเวอร์ เท่านั้นเป็นอันเสร็จพิธี แต่ต้องใจเย็นๆ นะครับ เพราะว่าหลังจากติดตั้งเสร็จแล้วโปรแกรมมักจะให้รีบูตเครื่อง ก่อนจะตกลงรีบูตให้รอจนกว่าไฟฮาร์ดดิสก์ดับเสียก่อนเพื่อความปลอดภัยครับ อันนี้ไม่ใช่เทคนิคเฉพาะกับกล้องเว็บแคมนะครับ แต่ไม่ว่าเราจะติดตั้งโปรแกรมใด ๆ ก็ตามหากต้องรีบูตเครื่องใหม่ก็ควรจะรอให้ฮาร์ดดิสก์หยุดอ่านเสียก่อนจะดีกว่า หลังจากที่เรารีบูตเครื่องแล้วก็รอให้เครื่องจัดการกับไดรเวอร์ตัวใหม่เสียก่อน ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาสักพักหนึ่ง หลังจากที่เข้าวินโดวส์มาแล้ววินโดวส์จะรายงานว่าเจอฮาร์ดแวร์ใหม่แล้วก็อ่านข้อมูลอยู่สักพักแล้วก็จะหายไปเอง เป็นอันว่าตรงนี้เราพร้อมที่จะใช้กล้องเว็บแคมได้แล้วครับ หากยังไม่รู้จะทำอะไรก็เปิดโปรแกรมถ่ายรูปดูหน้าตัวเองไปพลางๆ เสียก่อนก็ได้ • ปรับแต่งก่อนใช้งานจริง ๆ แล้วเราแทบไม่ต้องปรับแต่งอะไรเลยครับ ไม่ใช่เพราะว่ากล้องตัวนี้ดีมากจนปรับได้อัตโนมัติทั้งหมดครับ แต่เป็นเพราะมันไม่ค่อยมีออปชันให้เราปรับเสียมากกว่า และออปชันแต่ละอย่างก็ไม่จำเป็นต้องปรับอีกด้วยเหมือนกัน แต่ถึงอย่างไรก่อนใช้งานให้เข้าไปที่โปรแกรมของกล้องเสียก่อน จากนั้นปรับค่าความละเอียดให้เหมาะสม เช่น ถ้าใช้งานในบ้าน หรือในเครือข่ายที่มีความเร็วสูงก็ควรตั้งค่าความละเอียดสูงๆ พร้อมเฟรมเรตสูงๆ เช่นกัน แต่ถ้าเครือข่ายไม่เร็วนัก ก็อาจจะต้องปรับความละเอียดลงมาอีกสักหน่อย ซึ่งในกรณีนี้ซอฟต์แวร์สื่อสารสามารถจัดการได้เองเช่นกัน นอกจากการปรับความละเอียดแล้วยังมีค่าต่างๆ เกี่ยวกับแสงให้เราปรับอีกด้วยเช่นความสว่างหรือคอนทราสต์ หรือปรับความเข้มของสี การปรับคุณภาพของภาพเป็นเรื่องสำคัญมากครับ สำคัญกว่าการปรับความละเอียดเสียอีก เพราะว่าถึงเราปรับความละเอียดสูงสุดแล้วแต่ตั้งค่าพร็อพเพอร์ตี้ไม่เหมาะสม ภาพที่ออกมาก็อาจจะไม่ชัดได้เช่นกัน โดยปกติแล้วทุกครั้งที่เราปรับค่าต่างๆ ตัวกล้องจะแสดงภาพที่ได้ออกมาทันที ดังนั้นหากว่าภาพที่ออกมามืดเกินไปก็ สามารถเร่งค่า Brightness ให้มากขึ้น ภาพจะขาวกว่าปกติ แต่ไม่ควรจะเร่งมากเกินไปเพราะว่าจะขาวจนดูไม่ออก ส่วนคอนทราสต์นั้นใช้ปรับโทนสีของภาพให้มีความแตกต่างระหว่างโทนสีขาวและดำมากเพียงใด หากภาพที่ออกมายังไม่ค่อยชัดก็ควรจะเพิ่มค่าคอนทราสต์ของภาพให้สูงสักนิดและค่า Saturation จะช่วยปรับความอิ่มของสีภาพให้ออกมาดูดีกว่าเดิม ซึ่งบางครั้งภาพที่ถ่ายออกมาอาจจะมีสีจืดไปหน่อย แต่เพียงแค่ปรับค่า Saturation ก็ สามารถช่วยแก้ปัญหาได้แล้ว หากจำเป็นต้องใช้ในที่มืด ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะต้องมืดมาก เพียงแค่อยู่ในที่ที่มีแสงไม่พอเท่านั้น ซึ่งกล้องแต่ละตัวมีความสามารถในการรับแสงต่างกัน แต่เหตุผลที่ผมไม่ได้เขียนเอาไว้ในส่วนของการเลือกซื้อนั้นก็เป็นเพราะว่าเราจะไม่ทราบเลยว่ากล้องตัวใดมีความสามารถในการรับแสงได้ดีเพียงใด แต่ถ้าได้ทดลองใช้จะเห็นทันทีว่ากล้องแต่ละตัวมีความไวแสงที่แตกต่างกัน ซึ่งเมื่อเรานำมาใช้ในที่ที่มีแสงน้อยๆ นั้น การปรับค่าทั้งสามที่ผมได้กล่าวไปแล้วยังพอจะช่วยได้บ้างแต่ไม่มากนัก เราอาจจะแก้ไขได้โดยใช้ไฟส่องไปยังจุดที่ต้องการถ่าย เช่น ใช้โคมไฟช่วยฉายแสงไปยังวัตถุอีกดวงหนึ่งให้แสงสว่างขึ้นมาเฉพาะในจุดที่เราต้องการก็พอจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง สุดท้ายที่ลืมไม่ได้ก็คืออย่าลืมปรับโฟกัสภาพให้ได้ภาพที่คมชัดที่สุด ซึ่งกล้องบางรุ่นจะไม่สามารถปรับได้ แต่บางรุ่นจะปรับได้โดยมีวงแหวนอยู่ที่ด้านหน้าเลนส์ โดยค่อยๆ หมุนวงแหวนไปเรื่อยๆ จนถึงจุดที่ชัดที่สุดแล้วปล่อยเท่านี้ก็เสร็จแล้ว แต่มีข้อห้ามอย่างเดียวก็คือห้ามสัมผัสเลนส์กล้องโดยเด็ดขาด เพราะกล้องเว็บแคมจะไม่มีอะไรป้องกันเลนส์เอาไว้ แต่ใช้การปรับแต่งเล็กน้อยเท่านี้ก็ช่วยให้ได้ภาพที่มีคุณภาพดีขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่าเลยทีเดียว
จะซื้อ Webcam สักตัว ต้องดูอะไรบ้าง
ปัจจุบัน มีกล้องเว็บแคมวางขายอยู่หลายรุ่น หลายยี่ห้อ ถ้าคุณผู้อ่านไม่มีหลักในการเลือกซื้อที่ถูกต้องแล้ว ก็อาจจะถึงขั้นมึนตึ๊บ ตัดสินใจไม่ถูกไปเลยก็ได้ ปัจจัยอย่างแรกก็คือราคา เว็บแคมราคาถูกย่อมเรียกความสนใจจากผู้ซื้ออย่างเราได้มากอยู่แล้ว แต่อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจไปครับ เพราะนอกจากราคาแล้ว ยังมีอีกหลายอย่างที่ทำให้เราต้องคิดหนักเหมือนกัน เพราะว่ากล้องเว็บแคมราคาถูกหรือแพงบางรุ่นนั้นอาจจะเหมือนกันเลยก็ได้ เพียงแต่ให้อุปกรณ์มาแตกต่างกัน เช่น กล้องยี่ห้อ A ทำรุ่น X กับรุ่น Y ออกมา แต่ปรากฏว่าหน้าตากล้องต่างกันเล็กน้อย ส่วนราคานั้นต่างกันครึ่ง ๆ ก็ไม่ได้หมายความว่ากล้องราคาแพงกว่าจะดีกว่าเสมอไป เพราะว่าตัวกล้องอาจจะไม่แตกต่างกันเลยก็ได้ แต่ความแตกต่างอยู่ที่อุปกรณ์เสริมที่ให้มาเช่นไมโครโฟน และซอฟต์แวร์ และเจ้าซอฟต์แวร์ที่ให้มานี่เองที่อาจจะเป็นตัวทำให้ราคาอุปกรณ์ทั้งชุดสูงขึ้นก็ได้ มาดูที่ตัวกล้องสิ่งที่ต้องพิจารณาในการเลือกซื้อ คือดูว่าชนิดของเซ็นเซอร์ที่ใช้ในตัวกล้องนั้นเป็นแบบใด โดยมากกล้องเว็บแคมในท้องตลาดจะใช้เซ็นเซอร์แบบเดียวกันหมด คือแบบ “CMOS” ซึ่งให้คุณภาพของภาพที่ไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ในรุ่นใหม่ๆ ที่มีราคาสูง บางรุ่นเริ่มหันไปใช้เซ็นเซอร์แบบ CCD กันแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าเซ็นเซอร์แบบ CCD นั้นให้ความคมชัดมากกว่า และยังไวต่อแสงมากกว่าอีกด้วย (สามารถมองเห็นภาพได้ชัด แม้จะตั้งกล้องเอาไว้ในที่ที่มีแสงสว่างไม่มาก) ลองมาดูเฉพาะเซ็นเซอร์แบบ CMOS กันอย่างเดียวก่อนครับ เซ็นเซอร์นี้มีความสำคัญสูงมาก เพราะว่าเป็นหน่วยรับแสงและนำมาประมวลผลต่อเพื่อสร้างภาพขึ้นมาบนจอภาพ หากหน่วยรับแสงทำงานได้ไม่ดีแล้ว คุณภาพก็คงไม่น่าประทับใจสักเท่าไหร่ ปกติแล้วกล้องมักจะใช้เซ็นเซอร์ CMOS ที่มีความละเอียดอยู่ที่ 640X480 พิกเซล ซึ่งถือเป็นความละเอียดมาตรฐานที่กล้องเว็บแคมควรจะทำได้ แต่ในปัจจุบันก็ยังมีการผลิต กล้องเว็บแคมที่มีฟังก์ชันอื่นเพิ่มเติม ซึ่งกล้องเว็บแคมกลุ่มนี้อาจจะมีความละเอียดสูงถึง 1.3ล้านพิกเซล หรือว่าขนาด 1280X1024 พิกเซลเลยทีเดียว เลนส์ที่ใช้ ก็สำคัญก่อนที่ภาพจะตกกระทบกับฉากรับหรือว่า CMOS เซ็นเซอร์นั้นจะต้องผ่านเลนส์เสียก่อน ตัวเลนส์จะดีหรือไม่นั้น บอกได้เลยครับว่ายูสเซอร์ระดับเรานั้นไม่มีโอกาสดูออก แต่สิ่งที่เห็นความแตกต่างกันได้ชัดก็คือเลนส์ที่ใช้มีขนาดเท่าใด บางตัวอาจจะใช้เลนส์ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1/4 นิ้ว แต่บางตัวใช้เลนส์ขนาดใหญ่ครึ่งนิ้ว แน่นอนว่าเลนส์ที่มีขนาดใหญ่กว่าย่อมได้เปรียบในเรื่องภาพอยู่บ้างเหมือนกัน นอกจากนั้นแล้ว ถ้าหากสามารถปรับโฟกัสได้เองแล้วก็ยังสามารถกำหนดระยะชัดของภาพได้อีกด้วย ซึ่งกล้องเว็บแคมที่ไม่สามารถปรับระยะโฟกัสที่หน้าเลนส์ได้นั้น จะเป็นเลนส์แบบ Focus Free ซึ่งมีการกำหนดระยะโฟกัสเอาไว้แล้ว แต่โอกาสผิดเพี้ยนก็สามารถเกิดขึ้นได้ แม้จะน้อยมากก็ตาม ซึ่งถ้าผิดเพี้ยนแล้วเราก็จะไม่สามารถปรับโฟกัสให้ชัดดังเดิมได้อีก อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญก็คือความไวของตัวกล้องในการจับภาพ ซึ่งถ้าเป็นกล้องรุ่นเก่าๆ บางรุ่นมีความเร็วในการบันทึกภาพหรือเฟรมเรตอยู่ที่ 15 ภาพต่อวินาที (fps) ซึ่งอาจจะยังช้าไป แต่ส่วนใหญ่แล้วกล้องในปัจจุบันมักจะรองรับการทำงานที่ 30 fps กันทั้งหมดแล้ว ซึ่งก็เพียงพอที่จะจับภาพได้อย่างเป็นธรรมชาติ รูปลักษณ์ น่าใช้แค่ไหนนอกจากนั้นแล้ว ปัจจัยอื่นๆที่ทำให้กล้องแต่ละตัวมีความแตกต่างกันก็คือ การออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกให้ดูสวยงามเข้ากับคอมพิวเตอร์ หรือการวางตำแหน่งจุดยึดให้มั่นคงแข็งแรง บางรุ่นอาจจะวางไว้เฉยๆ ซึ่งก็เสี่ยงต่อการตกหล่นได้ง่าย แต่บางรุ่นก็ให้แท่นยึดที่ค่อนข้างมั่นคงแข็งแรงมาก และยังอาจจะมีปุ่มกดที่ออกแบบมาสำหรับการแคปเจอร์รูปได้ทันทีโดยไม่ต้องคลิ้กจากจอภาพทำให้สามารถบันทึกภาพได้สะดวกรวดเร็วตามที่ต้องการเลยทีเดียว แต่ยังไม่หมดเท่านั้น เพราะว่ากล้องเว็บแคมบางรุ่นยังพวกท้ายมาด้วยความสามารถอื่น ๆ เช่นมีชุดสื่อสารไร้สายที่สามารถนำไปติดแยกเอาไว้ไกลจากคอมพิวเตอร์ของเราได้เช่นกัน แต่แน่นอนว่าราคาแพงกว่ากล้องรุ่นปกติไม่น้อยเลยทีเดียว และอาจจะสามารถถอดออกจากแท่นที่วางไปใช้แทนกล้องดิจิตอลได้อีกด้วย ซึ่งความละเอียดที่สามารถนำไปใช้บันทึกภาพได้นั้นมีตั้งแต่ 3 แสนพิกเซล ไปจนถึง 1.3 ล้านพิกเซลเลยทีเดียว แต่สำหรับกล้องรุ่นที่ถอดไปใช้แทนกล้องดิจิตอลได้นั้น จะต้องดูก่อนว่ามีหน่วยความจำมาให้เท่าใด เพื่อคำนวณหาว่าตัวกล้องจะเก็บภาพได้สูงสุดกี่ภาพ หรือถ่ายคลิปวิดีโอได้ยาวนานเพียงใด เพราะกล้องเว็บแคมที่มีความสามารถขนาดนี้มักจะไม่สามารถถอดเปลี่ยนหรือใส่การ์ดหน่วยความจำเพิ่มเข้าไปได้ สุดท้ายก็คือซอฟต์แวร์ซอฟต์แวร์ที่ให้มาด้วยกันครับ อย่างที่ผมบอกไปในตอนต้นแล้วว่าราคากล้องส่วนหนึ่งมาจากซอฟต์แวร์ที่ให้มาด้วยนี่ละครับ ถ้าหากเราใช้เพียงแค่ Netmeeting เพื่อพูดคุยเท่านั้น ก็คงไม่จำเป็นต้องซื้อกล้องที่ให้ซอฟต์แวร์อื่นๆ มาด้วย แต่อย่าลืมว่าซอฟต์แวร์ที่ให้มานั้นบางตัวมีความสามารถสูงเกินราคากล้องเลยทีเดียว แต่เมื่อขายมาพร้อมกับกล้องก็จะมีราคาถูกกว่าที่เราจะไปซื้อแยกต่างหาก เช่น ซอฟต์แวร์ จากค่าย Real ที่แถมมาให้ด้วยกันนั้นหากซื้อแยกบางครั้งอาจจะมีราคาเทียบเท่ากับซื้อกล้องเว็บแคมเลยก็ได้ หรือในส่วนของซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยต่าง ๆ ที่ผมได้กล่าวไปในตอนต้น เช่น Webcam Watchdog, VideoSpy หรือ Watcher นั้นกล้องบางรุ่นอาจจะแถมซอฟต์แวร์ประเภทนี้มาให้ด้วยเลย แม้ว่าจะไม่ใช้ซอฟต์แวร์ที่กล่าวมาก็ตาม แต่ก็สามารถทำงานได้ไม่แตกต่างกันมากนัก ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยพื้นฐานในการเลือกซื้อที่เราควรพิจารณา แต่ผมเชื่ออยู่สิ่งหนึ่งว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้เราตัดสินใจซื้อก็คือปัจจัยในเรื่องราคามากกว่าส่วนอื่นๆ ทั้งหมด
ถาม: คอมพิวเตอร์เดสก์ทอปของเพื่อนผมติดตั้งเว็บแคมไว้ด้วย ซึ่งผมเองก็อยากมีไว้ใช้บ้างเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยรู้จักอุปกรณ์พวกนี้มากนัก ถ้าผมต้องการซื้อหาไว้ใช้สักตัวหนึ่ง พอจะมีคำแนะนำดีๆ บ้างไหมครับ?ตอบ: ถ้าคุณต้องการใช้เว็บแคม เพื่อติดต่อสื่อสารแบบเห็นหน้าค่าตากับเพื่อนคนอื่นๆ ผมแนะนำให้เลือกซื้อเป็นกล้องเว็บแคมชนิด USB เนื่องจากสามารถเชื่อมต่อกับพอร์ต USB ได้โดยตรง และหากเป็นไปได้ควรเลือกรุ่นที่มีไมโครโฟนมาพร้อมกันด้วยจะสะดวกกว่า (สังเกตสายเคเบิ้ลที่มาพร้อมกันจะมีทั้งยูเอสบีและแจ็คออดิโอ) อย่างไรก็ดี ในกรณีที่คุณต้องการใช้เว็บแคม เพื่อการตรวจตราผ่านออนไลน์ แนะนำให้ลองใช้ IP Camera เนื่องจากกล้องพวกนี้จะมีแอดเดรสบนอินเทอร์เน็ตเป็นของตัวเอง คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกล้องพวกนี้ผ่านคอมพิวเตอร์ แต่จะเชื่อมต่อพวกมันเข้ากับเราท์เตอร์โดยตรง ในส่วนของการใช้งาน คุณก็แค่ป้อนหมายเลข IP ในช่อง Address: ของบราวเซอร์ IE ภาพที่ IP Camera จับได้ก็จะปรากฏในบราวเซอร์ ก่อนเลือกซื้อกล้องพวกนี้มาใช้งาน ตรวจสอบให้ละเอียดด้วย เนื่องจากบางระบบผู้ใช้จะต้องเสียค่าบริการรายเดือนด้วย เพราะฉะนั้นตรวจสอบให้มั่นใจก่อนซื้อมาใช้นะครับ
กล้องเว็บแคมกับโน้ตบุ๊ก
โน้ตบุ๊ก ในโลกของบรอดแบนด์ เว็บแคมดูจะเป็นอุปกรณ์อีกชิ้นหนึ่งที่ได้รับความนิยมไม่น้อย และเริ่มกลายมาเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ของใครหลายคน นอกเหนือจากการใช้ติดต่อสนทนาแล้ว คุณยังสามารถใช้เว็บแคมในการเผยแพร่ภาพบนเว็บ หรือให้สอดส่องดูความปลอดภัยในบ้าน (ประการหลังนี่ เหมาะที่จะใช้กับเดสก์ทอปมากกว่า) ถ้าคุณคิดจะเลือกซื้อเว็บแคมแน่นอนว่าปัจจัยสำคัญที่สุดก็คือ ความละเอียดของวีดีโอที่บันทึกได้ซึ่งยิ่งมาก็ยิ่งดี แต่คุณก็ต้องคำนึงถึงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่คุณใช้ด้วย เช่น ถ้าคุณใช้การเชื่อมต่อแบบ dial-up คงไม่มีประโยชน์ที่คุณจะซื้อเว็บแคมที่มีความละเอียดสูงๆ เพราะยังไงแบนด์วิดธ์ก็ไม่พอ ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกซื้อแบบมีไฟส่องในตัว เพราะภาพที่ได้จากเว็บแคมส่วนใหญ่จะค่อนข้างมืด แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดคุณควรเลือกซื้อโน้ตบุ๊กรุ่นที่มีเว็บแคมติดมาในตัวเลย
การติดตั้ง Webcam
หลังจากชอปปิ้งได้กล้องตัวที่ถูกใจมาแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการติดตั้ง ซึ่งผมเองไม่อยากจะกล่าวถึงในบทความเอาเสียเลย เพราะว่ามันไม่มีอะไรจริง ๆ ครับ เนื่องจากว่าทั้งไดรเวอร์และซอฟต์แวร์รวมถึงระบบปฏิบัติการในปัจจุบันนั้นฉลาดมาก จนผมเองชักจะสงสัยแล้วว่าอีกสีบปีข้างหน้า แค่เราออกจากบ้านไปซื้อกล้องมานี่ โอเอสคงจะรู้แล้วก็สามารถเซตค่าให้เราได้เองตั้งแต่เรายังอยู่ในร้านค้า • วิธีการติดตั้งเว็บแคมโดยปกติขั้นตอนแรกที่สำคัญก็คือหาตำแหน่งที่เหมาะสมบนโต๊ะคอมพิวเตอร์เพื่อวางกล้อง ซึ่งก็คงจะหนีไม่พ้นบนมอนิเตอร์หรือบนตัวเครื่องนั่นแหละครับ เพราะจะให้มุมมองที่กว้างกว่า ถ้าหากวางอยู่บนโต๊ะหน้าคีย์บอร์ด ภาพที่ได้คงจะเห็นแต่พุงอย่างเดียวครับ เสร็จแล้วก็เสียบสายยูเอสบีเข้ากับเครื่องไม่ต้องห่วงนะครับว่าจะเสียบเข้าช่องไหน ถ้ามีพอร์ต ยูเอสบีว่างๆ อยู่หลายช่องก็เสียบเข้าไปสักช่องหนึ่งเลยครับ แล้วก็ใส่แผ่นซีดีรอมเข้าไป เลือกติดตั้งไดรเวอร์ เท่านั้นเป็นอันเสร็จพิธี แต่ต้องใจเย็นๆ นะครับ เพราะว่าหลังจากติดตั้งเสร็จแล้วโปรแกรมมักจะให้รีบูตเครื่อง ก่อนจะตกลงรีบูตให้รอจนกว่าไฟฮาร์ดดิสก์ดับเสียก่อนเพื่อความปลอดภัยครับ อันนี้ไม่ใช่เทคนิคเฉพาะกับกล้องเว็บแคมนะครับ แต่ไม่ว่าเราจะติดตั้งโปรแกรมใด ๆ ก็ตามหากต้องรีบูตเครื่องใหม่ก็ควรจะรอให้ฮาร์ดดิสก์หยุดอ่านเสียก่อนจะดีกว่า หลังจากที่เรารีบูตเครื่องแล้วก็รอให้เครื่องจัดการกับไดรเวอร์ตัวใหม่เสียก่อน ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาสักพักหนึ่ง หลังจากที่เข้าวินโดวส์มาแล้ววินโดวส์จะรายงานว่าเจอฮาร์ดแวร์ใหม่แล้วก็อ่านข้อมูลอยู่สักพักแล้วก็จะหายไปเอง เป็นอันว่าตรงนี้เราพร้อมที่จะใช้กล้องเว็บแคมได้แล้วครับ หากยังไม่รู้จะทำอะไรก็เปิดโปรแกรมถ่ายรูปดูหน้าตัวเองไปพลางๆ เสียก่อนก็ได้ • ปรับแต่งก่อนใช้งานจริง ๆ แล้วเราแทบไม่ต้องปรับแต่งอะไรเลยครับ ไม่ใช่เพราะว่ากล้องตัวนี้ดีมากจนปรับได้อัตโนมัติทั้งหมดครับ แต่เป็นเพราะมันไม่ค่อยมีออปชันให้เราปรับเสียมากกว่า และออปชันแต่ละอย่างก็ไม่จำเป็นต้องปรับอีกด้วยเหมือนกัน แต่ถึงอย่างไรก่อนใช้งานให้เข้าไปที่โปรแกรมของกล้องเสียก่อน จากนั้นปรับค่าความละเอียดให้เหมาะสม เช่น ถ้าใช้งานในบ้าน หรือในเครือข่ายที่มีความเร็วสูงก็ควรตั้งค่าความละเอียดสูงๆ พร้อมเฟรมเรตสูงๆ เช่นกัน แต่ถ้าเครือข่ายไม่เร็วนัก ก็อาจจะต้องปรับความละเอียดลงมาอีกสักหน่อย ซึ่งในกรณีนี้ซอฟต์แวร์สื่อสารสามารถจัดการได้เองเช่นกัน นอกจากการปรับความละเอียดแล้วยังมีค่าต่างๆ เกี่ยวกับแสงให้เราปรับอีกด้วยเช่นความสว่างหรือคอนทราสต์ หรือปรับความเข้มของสี การปรับคุณภาพของภาพเป็นเรื่องสำคัญมากครับ สำคัญกว่าการปรับความละเอียดเสียอีก เพราะว่าถึงเราปรับความละเอียดสูงสุดแล้วแต่ตั้งค่าพร็อพเพอร์ตี้ไม่เหมาะสม ภาพที่ออกมาก็อาจจะไม่ชัดได้เช่นกัน โดยปกติแล้วทุกครั้งที่เราปรับค่าต่างๆ ตัวกล้องจะแสดงภาพที่ได้ออกมาทันที ดังนั้นหากว่าภาพที่ออกมามืดเกินไปก็ สามารถเร่งค่า Brightness ให้มากขึ้น ภาพจะขาวกว่าปกติ แต่ไม่ควรจะเร่งมากเกินไปเพราะว่าจะขาวจนดูไม่ออก ส่วนคอนทราสต์นั้นใช้ปรับโทนสีของภาพให้มีความแตกต่างระหว่างโทนสีขาวและดำมากเพียงใด หากภาพที่ออกมายังไม่ค่อยชัดก็ควรจะเพิ่มค่าคอนทราสต์ของภาพให้สูงสักนิดและค่า Saturation จะช่วยปรับความอิ่มของสีภาพให้ออกมาดูดีกว่าเดิม ซึ่งบางครั้งภาพที่ถ่ายออกมาอาจจะมีสีจืดไปหน่อย แต่เพียงแค่ปรับค่า Saturation ก็ สามารถช่วยแก้ปัญหาได้แล้ว หากจำเป็นต้องใช้ในที่มืด ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะต้องมืดมาก เพียงแค่อยู่ในที่ที่มีแสงไม่พอเท่านั้น ซึ่งกล้องแต่ละตัวมีความสามารถในการรับแสงต่างกัน แต่เหตุผลที่ผมไม่ได้เขียนเอาไว้ในส่วนของการเลือกซื้อนั้นก็เป็นเพราะว่าเราจะไม่ทราบเลยว่ากล้องตัวใดมีความสามารถในการรับแสงได้ดีเพียงใด แต่ถ้าได้ทดลองใช้จะเห็นทันทีว่ากล้องแต่ละตัวมีความไวแสงที่แตกต่างกัน ซึ่งเมื่อเรานำมาใช้ในที่ที่มีแสงน้อยๆ นั้น การปรับค่าทั้งสามที่ผมได้กล่าวไปแล้วยังพอจะช่วยได้บ้างแต่ไม่มากนัก เราอาจจะแก้ไขได้โดยใช้ไฟส่องไปยังจุดที่ต้องการถ่าย เช่น ใช้โคมไฟช่วยฉายแสงไปยังวัตถุอีกดวงหนึ่งให้แสงสว่างขึ้นมาเฉพาะในจุดที่เราต้องการก็พอจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง สุดท้ายที่ลืมไม่ได้ก็คืออย่าลืมปรับโฟกัสภาพให้ได้ภาพที่คมชัดที่สุด ซึ่งกล้องบางรุ่นจะไม่สามารถปรับได้ แต่บางรุ่นจะปรับได้โดยมีวงแหวนอยู่ที่ด้านหน้าเลนส์ โดยค่อยๆ หมุนวงแหวนไปเรื่อยๆ จนถึงจุดที่ชัดที่สุดแล้วปล่อยเท่านี้ก็เสร็จแล้ว แต่มีข้อห้ามอย่างเดียวก็คือห้ามสัมผัสเลนส์กล้องโดยเด็ดขาด เพราะกล้องเว็บแคมจะไม่มีอะไรป้องกันเลนส์เอาไว้ แต่ใช้การปรับแต่งเล็กน้อยเท่านี้ก็ช่วยให้ได้ภาพที่มีคุณภาพดีขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่าเลยทีเดียว
จะซื้อ Webcam สักตัว ต้องดูอะไรบ้าง
ปัจจุบัน มีกล้องเว็บแคมวางขายอยู่หลายรุ่น หลายยี่ห้อ ถ้าคุณผู้อ่านไม่มีหลักในการเลือกซื้อที่ถูกต้องแล้ว ก็อาจจะถึงขั้นมึนตึ๊บ ตัดสินใจไม่ถูกไปเลยก็ได้ ปัจจัยอย่างแรกก็คือราคา เว็บแคมราคาถูกย่อมเรียกความสนใจจากผู้ซื้ออย่างเราได้มากอยู่แล้ว แต่อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจไปครับ เพราะนอกจากราคาแล้ว ยังมีอีกหลายอย่างที่ทำให้เราต้องคิดหนักเหมือนกัน เพราะว่ากล้องเว็บแคมราคาถูกหรือแพงบางรุ่นนั้นอาจจะเหมือนกันเลยก็ได้ เพียงแต่ให้อุปกรณ์มาแตกต่างกัน เช่น กล้องยี่ห้อ A ทำรุ่น X กับรุ่น Y ออกมา แต่ปรากฏว่าหน้าตากล้องต่างกันเล็กน้อย ส่วนราคานั้นต่างกันครึ่ง ๆ ก็ไม่ได้หมายความว่ากล้องราคาแพงกว่าจะดีกว่าเสมอไป เพราะว่าตัวกล้องอาจจะไม่แตกต่างกันเลยก็ได้ แต่ความแตกต่างอยู่ที่อุปกรณ์เสริมที่ให้มาเช่นไมโครโฟน และซอฟต์แวร์ และเจ้าซอฟต์แวร์ที่ให้มานี่เองที่อาจจะเป็นตัวทำให้ราคาอุปกรณ์ทั้งชุดสูงขึ้นก็ได้ มาดูที่ตัวกล้องสิ่งที่ต้องพิจารณาในการเลือกซื้อ คือดูว่าชนิดของเซ็นเซอร์ที่ใช้ในตัวกล้องนั้นเป็นแบบใด โดยมากกล้องเว็บแคมในท้องตลาดจะใช้เซ็นเซอร์แบบเดียวกันหมด คือแบบ “CMOS” ซึ่งให้คุณภาพของภาพที่ไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ในรุ่นใหม่ๆ ที่มีราคาสูง บางรุ่นเริ่มหันไปใช้เซ็นเซอร์แบบ CCD กันแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าเซ็นเซอร์แบบ CCD นั้นให้ความคมชัดมากกว่า และยังไวต่อแสงมากกว่าอีกด้วย (สามารถมองเห็นภาพได้ชัด แม้จะตั้งกล้องเอาไว้ในที่ที่มีแสงสว่างไม่มาก) ลองมาดูเฉพาะเซ็นเซอร์แบบ CMOS กันอย่างเดียวก่อนครับ เซ็นเซอร์นี้มีความสำคัญสูงมาก เพราะว่าเป็นหน่วยรับแสงและนำมาประมวลผลต่อเพื่อสร้างภาพขึ้นมาบนจอภาพ หากหน่วยรับแสงทำงานได้ไม่ดีแล้ว คุณภาพก็คงไม่น่าประทับใจสักเท่าไหร่ ปกติแล้วกล้องมักจะใช้เซ็นเซอร์ CMOS ที่มีความละเอียดอยู่ที่ 640X480 พิกเซล ซึ่งถือเป็นความละเอียดมาตรฐานที่กล้องเว็บแคมควรจะทำได้ แต่ในปัจจุบันก็ยังมีการผลิต กล้องเว็บแคมที่มีฟังก์ชันอื่นเพิ่มเติม ซึ่งกล้องเว็บแคมกลุ่มนี้อาจจะมีความละเอียดสูงถึง 1.3ล้านพิกเซล หรือว่าขนาด 1280X1024 พิกเซลเลยทีเดียว เลนส์ที่ใช้ ก็สำคัญก่อนที่ภาพจะตกกระทบกับฉากรับหรือว่า CMOS เซ็นเซอร์นั้นจะต้องผ่านเลนส์เสียก่อน ตัวเลนส์จะดีหรือไม่นั้น บอกได้เลยครับว่ายูสเซอร์ระดับเรานั้นไม่มีโอกาสดูออก แต่สิ่งที่เห็นความแตกต่างกันได้ชัดก็คือเลนส์ที่ใช้มีขนาดเท่าใด บางตัวอาจจะใช้เลนส์ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1/4 นิ้ว แต่บางตัวใช้เลนส์ขนาดใหญ่ครึ่งนิ้ว แน่นอนว่าเลนส์ที่มีขนาดใหญ่กว่าย่อมได้เปรียบในเรื่องภาพอยู่บ้างเหมือนกัน นอกจากนั้นแล้ว ถ้าหากสามารถปรับโฟกัสได้เองแล้วก็ยังสามารถกำหนดระยะชัดของภาพได้อีกด้วย ซึ่งกล้องเว็บแคมที่ไม่สามารถปรับระยะโฟกัสที่หน้าเลนส์ได้นั้น จะเป็นเลนส์แบบ Focus Free ซึ่งมีการกำหนดระยะโฟกัสเอาไว้แล้ว แต่โอกาสผิดเพี้ยนก็สามารถเกิดขึ้นได้ แม้จะน้อยมากก็ตาม ซึ่งถ้าผิดเพี้ยนแล้วเราก็จะไม่สามารถปรับโฟกัสให้ชัดดังเดิมได้อีก อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญก็คือความไวของตัวกล้องในการจับภาพ ซึ่งถ้าเป็นกล้องรุ่นเก่าๆ บางรุ่นมีความเร็วในการบันทึกภาพหรือเฟรมเรตอยู่ที่ 15 ภาพต่อวินาที (fps) ซึ่งอาจจะยังช้าไป แต่ส่วนใหญ่แล้วกล้องในปัจจุบันมักจะรองรับการทำงานที่ 30 fps กันทั้งหมดแล้ว ซึ่งก็เพียงพอที่จะจับภาพได้อย่างเป็นธรรมชาติ รูปลักษณ์ น่าใช้แค่ไหนนอกจากนั้นแล้ว ปัจจัยอื่นๆที่ทำให้กล้องแต่ละตัวมีความแตกต่างกันก็คือ การออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกให้ดูสวยงามเข้ากับคอมพิวเตอร์ หรือการวางตำแหน่งจุดยึดให้มั่นคงแข็งแรง บางรุ่นอาจจะวางไว้เฉยๆ ซึ่งก็เสี่ยงต่อการตกหล่นได้ง่าย แต่บางรุ่นก็ให้แท่นยึดที่ค่อนข้างมั่นคงแข็งแรงมาก และยังอาจจะมีปุ่มกดที่ออกแบบมาสำหรับการแคปเจอร์รูปได้ทันทีโดยไม่ต้องคลิ้กจากจอภาพทำให้สามารถบันทึกภาพได้สะดวกรวดเร็วตามที่ต้องการเลยทีเดียว แต่ยังไม่หมดเท่านั้น เพราะว่ากล้องเว็บแคมบางรุ่นยังพวกท้ายมาด้วยความสามารถอื่น ๆ เช่นมีชุดสื่อสารไร้สายที่สามารถนำไปติดแยกเอาไว้ไกลจากคอมพิวเตอร์ของเราได้เช่นกัน แต่แน่นอนว่าราคาแพงกว่ากล้องรุ่นปกติไม่น้อยเลยทีเดียว และอาจจะสามารถถอดออกจากแท่นที่วางไปใช้แทนกล้องดิจิตอลได้อีกด้วย ซึ่งความละเอียดที่สามารถนำไปใช้บันทึกภาพได้นั้นมีตั้งแต่ 3 แสนพิกเซล ไปจนถึง 1.3 ล้านพิกเซลเลยทีเดียว แต่สำหรับกล้องรุ่นที่ถอดไปใช้แทนกล้องดิจิตอลได้นั้น จะต้องดูก่อนว่ามีหน่วยความจำมาให้เท่าใด เพื่อคำนวณหาว่าตัวกล้องจะเก็บภาพได้สูงสุดกี่ภาพ หรือถ่ายคลิปวิดีโอได้ยาวนานเพียงใด เพราะกล้องเว็บแคมที่มีความสามารถขนาดนี้มักจะไม่สามารถถอดเปลี่ยนหรือใส่การ์ดหน่วยความจำเพิ่มเข้าไปได้ สุดท้ายก็คือซอฟต์แวร์ซอฟต์แวร์ที่ให้มาด้วยกันครับ อย่างที่ผมบอกไปในตอนต้นแล้วว่าราคากล้องส่วนหนึ่งมาจากซอฟต์แวร์ที่ให้มาด้วยนี่ละครับ ถ้าหากเราใช้เพียงแค่ Netmeeting เพื่อพูดคุยเท่านั้น ก็คงไม่จำเป็นต้องซื้อกล้องที่ให้ซอฟต์แวร์อื่นๆ มาด้วย แต่อย่าลืมว่าซอฟต์แวร์ที่ให้มานั้นบางตัวมีความสามารถสูงเกินราคากล้องเลยทีเดียว แต่เมื่อขายมาพร้อมกับกล้องก็จะมีราคาถูกกว่าที่เราจะไปซื้อแยกต่างหาก เช่น ซอฟต์แวร์ จากค่าย Real ที่แถมมาให้ด้วยกันนั้นหากซื้อแยกบางครั้งอาจจะมีราคาเทียบเท่ากับซื้อกล้องเว็บแคมเลยก็ได้ หรือในส่วนของซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยต่าง ๆ ที่ผมได้กล่าวไปในตอนต้น เช่น Webcam Watchdog, VideoSpy หรือ Watcher นั้นกล้องบางรุ่นอาจจะแถมซอฟต์แวร์ประเภทนี้มาให้ด้วยเลย แม้ว่าจะไม่ใช้ซอฟต์แวร์ที่กล่าวมาก็ตาม แต่ก็สามารถทำงานได้ไม่แตกต่างกันมากนัก ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยพื้นฐานในการเลือกซื้อที่เราควรพิจารณา แต่ผมเชื่ออยู่สิ่งหนึ่งว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้เราตัดสินใจซื้อก็คือปัจจัยในเรื่องราคามากกว่าส่วนอื่นๆ ทั้งหมด